"เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นการทรยศ" เรื่องของคู่รักชาวรัสเซียที่กลายมาเป็นคนส่งข้อมูลให้ยูเครน

A middle-aged man and woman, sitting in front of a wall and a tree, look at the camera
คำบรรยายภาพ, ตอนที่ เซอร์เกย์ และทาเทียนา วารานคอฟ ตัดสินใจย้ายไปอยู่ยูเครน พวกเขารู้สึกผิดหวังกับรัสเซียในยุคใหม่มานานแล้ว
  • Author, อีเลีย บาราบานอฟ และอนาสตาเซีย โลตาเรวา
  • Role, บีบีซี นิวส์ รัสเซีย

ในตอนที่เซอร์เกย์และทาเทียนา วารานคอฟ ย้ายจากรัสเซียมาอาศัยในหมู่บ้านเล็ก ๆ ของยูเครน พวกเขาคาดหวังชีวิตที่เงียบสงบ แต่สิ่งต่าง ๆ กลับพลิกผัน

หลังจากรัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครอง พวกเขาตัดสินใจเป็นผู้ส่งข่าวให้ข้อมูลแก่กองทัพยูเครน

ผลที่ตามมาคือการถูกจับกุม สอบสวน และท้ายที่สุดพวกเขาต้องลี้ภัยไปยังยุโรปโดยใช้เอกสารปลอมและห่วงยางว่ายน้ำ

ไม่นานหลังจากที่รัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งในปี 2014 เซอร์เกย์และทาเทียนา วารานคอฟ ตัดสินใจที่จะย้ายประเทศ

คู่รักคู่นี้รู้สึกผิดหวังมานานกับทิศทางของประเทศบ้านเกิดภายใต้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แต่การผนวกไครเมียอย่างผิดกฎหมายและการเริ่มสู้รบในยูเครนตะวันออกเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

"เรากำลังจะไปประท้วง [ต่อต้านสงคราม] แต่เราก็ได้เข้าใจหลังจากนั้นไม่นานว่ามันไร้ค่า" เซอร์เกย์ ที่ปัจจุบันอายุ 55 ปี ระบุ

"ผมจะบอกเพื่อน ๆ และคนรู้จักว่ามันแย่ที่เรายึดไครเมียและเข้าไปพัวพันกับดอนบาส [ภูมิภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทางตะวันออกของยูเครน] พวกเขาก็จะบอกว่าถ้าเราไม่พอใจเราก็ย้ายประเทศได้ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะไป"

ทาเทียนา อายุ 52 ปี ผู้ซึ่งเกิดในภูมิภาคดอนบาส แต่มีสัญชาติรัสเซียเช่นเดียวกับสามี ระบุว่าเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศของเธอไม่ชอบทัศนคติที่ต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ทำให้เธอลาออกจากงานในท้ายที่สุด ไม่นานหลังจากที่ไครเมียถูกผนวก

Sergei and Tatyana in a public square in Moscow, with a fountain and statue behind them. She is wearing a blue and white dress and he is wearing a white T-shirt and jeans.

ที่มาของภาพ, FAMILY ARCHIVE

คำบรรยายภาพ, เซอร์เกย์และทาเทียนาในกรุงมอสโก ก่อนที่พวกเขาย้ายไปใช้ชีวิตในยูเครน

ตลอดห้าปีหลังจากนั้น ทั้งคู่เดินทางไปยูเครนทุก ๆ 6 เดือนเพื่อหาบ้านหลังใหม่

จนกระทั่งปี 2019 พวกเขาตั้งรกรากในนาโวลยูบิมิฟกา หมู่บ้านที่มีประชากรประมาณ 300 คนทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) คู่รักชาวรัสเซียคู่นี้เลี้ยงปศุสัตว์ที่นั่น และเซอร์เกย์ยังได้งานเป็นนักสำรวจที่ดิน ซึ่งเป็นงานที่เขาเชี่ยวชาญมาตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ในกองทัพโซเวียต

วันที่ 24 ก.พ. 2022 จรวดชุดแรกจากรัสเซียพุ่งผ่านเหนือบ้านของพวกเขาไป

"เช้ามาฉันได้ยินเสียงหวีดบางอย่าง บางอย่างที่กำลังบิน และฉันก็ออกไปนอกบ้าน" ทาเทียนา ย้อนความจำ

"จรวดลำหนึ่งกำลังบินผ่านเหนือบ้านของพวกเรา ฉันค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าเกิดอะไรขึ้น และเจอที่คนเขียนว่ากรุงเคียฟถูกระเบิดไปแล้ว"

There are two photos. In the one, Sergei is in the countryside with three dogs. In the other, Tatyana stands in front of a monument decorated in blue and yellow -  the colours of the Ukrainian flag - with the words "Glory to Ukraine" written on it.

ที่มาของภาพ, FAMILY ARCHIVE

คำบรรยายภาพ, เซอร์เกย์และทาเทียนาในยูเครนก่อนการรุกรานของรัสเซีย พวกเขาแทบไม่มีรูปถ่ายชีวิตก่อนสงคราม เพราะลบข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว

จากนั้นในวันที่ 26 ก.พ. ปีเดียวกัน หมู่บ้านนาโวลยูบิมิฟกาก็ถูกรัสเซียเข้ายึดครอง เช่นเดียวกับหมู่บ้านอื่น ๆ เกือบทั้งหมดทางตอนใต้ของภูมิภาคซาโปริซเซีย ในตอนแรกสองสามีภรรยาไม่ได้ติดต่อกับกองกำลังที่เข้ามารุกรานโดยตรง แต่หลายวันจากนั้น เมื่อขบวนรถของทหารรัสเซียผ่านหน้าบ้านของพวกเขา ทาเทียนาตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นขบวนรถกำลังวิ่งผ่านไป ทาเทียนาวิ่งเข้าไปในบ้าน คว้าโทรศัพท์ และเขียนข้อความถึงคนรู้จักในกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นคนที่เธอเชื่อว่าสามารถติดต่อคนในหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนได้

คนรู้จักคนนี้ส่งลิ้งก์แชทบอตพิเศษในแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ให้เธอ ซึ่งแชทบอตดังกล่าวบอกว่า เธอและสามีจะได้รับการติดต่อจากบุคคลที่มีลักษณะตัวตนเฉพาะคนหนึ่ง

สองสามีภรรยาถูกขอให้ระบุตำแหน่ง รวมถึงรายละเอียดของระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์และยุทโธปกรณ์ทางการทหารที่พวกเขาเห็น โดยให้เน้นความสนใจเป็นพิเศษไปที่ระบบขีปนาวุธและรถถัง ตำแหน่งเหล่านี้จะช่วยให้กองทัพยูเครนสามารถกำหนดเป้าหมายและทำลายกองกำลังของรัสเซียในพื้นที่ได้ด้วยโดรนและปืนใหญ่

"เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นการทรยศ" ทาเทียนากล่าว แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะเป็นพลเมืองรัสเซีย

"มันจะเป็นการทรยศถ้าหากรัสเซียถูกโจมตีแล้วเราทำงานให้กับฝ่ายศัตรู แต่นี่ไม่มีใครไปโจมตีรัสเซีย นี่คือการต่อสู้กับความชั่วร้าย"

ทั้งคู่ยืนยันว่าข้อมูลที่พวกเขาส่งต่อ ไม่ส่งผลให้เกิดการโจมตีพลเรือน หรือโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนใด ๆ

"มีครั้งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายใหญ่และน่าสนใจมาก [แต่กองทัพยูเครน] บอกว่า 'เราจะไม่โจมตีมัน มันจะไปโดนบ้านคน'" เซอร์เกย์เปิดเผย

A line of Russian military trucks driving along a road.

ที่มาของภาพ, Anadolu Agency via Getty Images

คำบรรยายภาพ, ขบวนรถทหารของกองทัพรัสเซียเคลื่อนผ่านภูมิภาคดอนบาสในเดือน ก.พ. 2022

เป็นเวลาสองเดือนที่เซอร์เกย์รวบรวมพิกัด และทาเทียนาจะส่งต่อผ่านโทรศัพท์ของเธอโดยไม่ลืมที่จะลบร่องรอยและข้อความทั้งหมดหลังจากนั้น

ทั้งคู่ติดต่อกับคนประสานงานของพวกเขาในกรุงเคียฟไปได้ถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2022 จนกระทั่งหมู่บ้านนาโวลยูบิมิฟกาไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป

เมื่อถึงตอนนั้น มีกลุ่มชายติดอาวุธเข้ามาที่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเข้ามาค้นหาทรัพย์สินต่าง ๆ และได้เข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านของครอบครัววารานคอฟบ่อยครั้ง

เมื่อถามว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่ย้ายออกจากดินแดนที่ถูกยึดครอง คู่รักตอบว่า "แล้วเราจะไปไหน"

พวกเขาไม่ต้องการกลับไปยังรัสเซีย และจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังดินแดนยูเครนที่ยังไม่ถูกรัสเซียยึดครอง เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขา "รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน" ในที่ที่พวกเขาอาศัยและยังอยากช่วยทางการยูเครนในสงครามนี้

แต่ทั้งหมดจบลงเมื่อเซอร์เกย์ถูกจับกุม

ถูกสอบสวนในหลุมใต้ดินที่เย็นยะเยือก

ด้วยความเป็นพลเมืองรัสเซีย สองสามีภรรยาได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียตั้งแต่แรกเริ่มของการยึดครองพื้นที่ แต่มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว ที่เซอร์เกย์ถูกจับกุมโดยกลุ่มชายติดอาวุธในเมืองตอกมัก (Tokmak) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค

เซอร์เกย์เล่าว่ากลุ่มชายเหล่านี้ไม่ได้สวมเครื่องหมายทางการทหาร และพาเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ให้เขาอยู่ในหลุมใต้ดินที่เย็นยะเยือกขนาดกว้างประมาณสองเมตรและลึกประมาณสามเมตร เขานอนหลับด้วยท่าตัวงออยู่ในหลุมนั้น

เขาบรรยายว่าวันต่อมาเขาถูกสอบสวนโดยมีถุงคลุมศีรษะไว้ และถูกข่มขู่ด้วยความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ถามเขาว่าเขาได้ส่งรายละเอียดตำแหน่งของรัสเซียให้กับชาวยูเครนหรือไม่

หลังจากปฏิเสธไปในตอนแรก เขารับสารภาพในวันที่ 4 ของการถูกจองจำ เพราะกลัวว่าหากถูกใช้ความรุนแรงแล้วจะหลุดไปพาดพิงคนอื่น

ขณะที่เซอร์เกย์ถูกสอบสวน ทาเทียนาบอกว่าเธอตามหาสามีของเธอไปทั่วเมืองอย่างสิ้นหวัง เธอโทรหาทั้งโรงพยาบาลและห้องเก็บศพต่าง ๆ

ลูกชายของทั้งคู่ซึ่งยังอาศัยอยู่นอกกรุงมอสโก เริ่มติดต่อเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ในมอสโก ตั้งแต่คณะกรรมการสอบสวนของรัฐไปจนถึงประธานาธิบดี

ในวันที่ 10 หลังจากเซอร์เกย์ถูกจับกุม กองกำลังฝ่ายความมั่นคงมาหาทาเทียนาในหมู่บ้านนาโวลยูมิบิฟกาเพื่อเข้าตรวจค้น พวกเขาขุดเงิน 4,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 146,000 บาท) ได้จากสวน ซึ่งเป็นเงินออมที่ทั้งคู่ซ่อนไว้

วันที่ 7 พ.ค. ซึ่งนับเป็น 39 วันหลังจากเซอร์เกย์ถูกจับกุม เป็นวันเดียวที่ทาเทียนาได้รับข่าวว่าสามีเธออยู่ที่ไหน "ในตอกมัก ตำรวจบอกกับฉันว่า 'เขานั่งอยู่ในห้องใต้ดินของ FSB [ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซีย] จับเขาไป มันคือการต่อต้านข่าวกรอง'"

26 พ.ค. กลุ่มคนที่แนะนำตัวเองกับเซอร์เกย์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ FSB บันทึกวิดีโอเขารับสารภาพ

สองวันหลังจากนั้น เซอร์เกย์ได้รับการปล่อยตัวอย่างที่เขาไม่คาดคิด แม้ว่าเอกสารเกือบทั้งหมดจะยังถูกยึด เว้นเพียงแต่ใบขับขี่ของเขาเท่านั้น

จนถึงทุกวันนี้ ทั้งเซอร์เกย์และทาเทียนายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงได้รับการปล่อยตัวภายหลังจากการรับสารภาพ

เซอร์เกย์ไปที่สำนักงานหนังสือเดินทางในเมืองตอกมักและยื่นขอเอกสารทดแทน แต่เจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่ยึดครองพื้นที่ไม่ได้รีบร้อนที่จะออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ให้เขา

Two pictures show the side of a modern house and a paved garden with foliage creating a canopy above it.

ที่มาของภาพ, FAMILY ARCHIVE

คำบรรยายภาพ, บ้านของครอบครัววารานคอฟในหมู่บ้านนาโวลยูบิมิฟกา

หลังจากเซอร์เกย์ถูกปล่อยตัว สองสามีภรรยาเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียยังคงจับตาดูพวกเขาอยู่ รถแปลกปลอมหลายคันยังคงวิ่งผ่านเพื่อดูหน้าบ้านของพวกเขา และคนที่พวกเขาไม่รู้จักก็มักจะมาเคาะประตูบ้านเพื่อถามว่าพวกเขาขายอะไรหรือไม่

ทั้งคู่รู้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ลำพังอีกแล้ว

หลังจากปรึกษานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในยุโรป คู่รักตัดสินใจออกจากเมืองที่ถูกยึดครอง โดยเริ่มจากการเดินทางกลับรัสเซีย ซึ่งเซอร์เกย์เชื่อว่าเขาจะได้รับหนังสือเดินทางเล่มใหม่และไปยุโรปได้จากที่นั่น

เหล่าเพื่อนบ้านของพวกเขาในเมืองตอกมักช่วยซื้อปศุสัตว์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จากพวกเขา ทั้งคู่ยังสามารถหาบ้านใหม่ให้กับบรรดาสุนัขของพวกเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เซอร์เกย์กังวลที่สุด

เซอร์เกย์ เปิดเผยด้วยว่ากองทัพรัสเซียย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเขา สองสัปดาห์หลังจากที่พวกเขาย้ายออก

Two photos - one shows Sergei sitting down with a black and white cat on his lap, and the other shows him walking in the garden with a black dog.

ที่มาของภาพ, FAMILY ARCHIVE

คำบรรยายภาพ, เซอร์เกย์และสัตว์เลี้ยงของเขาในบ้านที่นาโวลยูบิมิฟกา

หนีรอดด้วยห่วงยางว่ายน้ำ

เมื่อพวกเขาออกจากหมู่บ้านนาโวลยูบิมิฟกา คู่รักวารานคอฟวางแผนสร้างเรื่องขึ้นมาเผื่อว่าพวกเขาถูกขวางจากกองกำลังรัสเซีย พวกเขาใช้อุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อให้มันน่าเชื่อถือขึ้นด้วย

คู่รักคู่นี้ขนอุปกรณ์ชายหาดขึ้นรถด้วย ทั้งหมวกฟางปีกกว้าง รวมถึงห่วงยางเล่นน้ำ และวางแผนจะพูดว่าพวกเขาจะไปเที่ยวทะเล เพื่อให้ทาเทียนา ผู้ซึ่งป่วยเป็นโรคหอบหืด ได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง

แต่สุดท้ายพวกเขาไม่ถูกขัดขวาง

ทั้งคู่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ารัสเซียในตอนแรก แต่ต่อมาก็สามารถเข้าประเทศได้อีกครั้งเมื่อเซอร์เกย์ได้รับใบรับรองที่ยืนยันว่า เขาได้ยื่นเรื่องขอหนังสือเดินทางใหม่ไปแล้ว

หนังสือเดินทางใหม่ของเขายังคงล่าช้า และเมื่อความพยายามจะออกจากรัสเซียผ่านทางเบลารุสถูกขัดขวาง เซอร์เกย์จึงซื้อหนังสือเดินทางปลอมที่มีชื่อของเขา ผ่านทางแอปพลิเคชันเทเลแกรม

สองสามีภรรยาจึงสามารถเดินทางด้วยรถบัสสู่เบลารุส ข้ามพรมแดนโดยใช้หนังสือเดินทางปลอมของเซอร์เกย์ และจากนั้นพวกเขาเดินทางต่อไปยังลิทัวเนีย ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป และเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับยูเครน

แยกจากครอบครัว

ทว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนข้ามแดนในลิทัวเนียจับได้ว่าเซอร์เกย์ใช้เอกสารปลอม และส่งเขาไปยังศูนย์กักกันก่อนการพิจารณาคดี

ในมุมมองของเซอร์เกย์ ประสบการณ์นี้ไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิด

"หลังจากผ่านทุก ๆ อย่างมา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในเกสต์เฮาส์ แค่ผมไปไหนไม่ได้เท่านั้นเอง" เขากล่าว "คุณได้อาบน้ำสองครั้งต่อสัปดาห์ ผ้าปูเตียงเปลี่ยนเป็นประจำ และอาหารก็ดี"

A woman pulling a small suitcase approaches a road crossing. There is a barrier, to her left and gates and fences in front of her. There is a red stop sign in the foreground.

ที่มาของภาพ, Anadolu Agency via Getty Images

คำบรรยายภาพ, เซอร์เกย์สามารถเข้าสู่ลิทัวเนีย ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้สำเร็จ ผ่านการใช้หนังสือเดินทางปลอม แต่เขาก็ถูกทางการลิทัวเนียดำเนินคดีหลังจากนั้น

ศาลลิทัวเนียเห็นว่าเซอร์เกย์มีความผิดฐานใช้หนังสือเดินทางปลอม และตัดสินโทษจำคุกเขา 26 วัน ซึ่งเขาได้รับโทษไปแล้วในศูนย์กักกันก่อนการพิจารณาคดี

ตอนนี้คู่รักวารานคอฟหวังว่าพวกเขาจะได้รับการอนุญาตให้ลี้ภัยในลิทัวเนีย พวกเขากำลังอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสำหรับผู้ขอลี้ภัย

กองทัพยูเครนส่งจดหมายมาขอบคุณคู่รักวารานคอฟ ตามคำขอผู้ประสานงานคนเดิมในกรุงเคียฟ เพื่อสนับสนุนการขอลี้ภัยของพวกเขา บีบีซีได้เห็นสำเนาของจดหมายดังกล่าวแล้ว

แม่ของเซอร์เกย์ที่อายุ 87 ปี ยังคงอาศัยอยู่ในรัสเซีย เธอมีมุมมองตรงกันข้ามกับลูกชาย และเมื่อรัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขามีปากเสียงกันและไม่ได้พูดคุยกันในช่วงเวลาหนึ่ง ขณะที่ลูกชายของทั้งสองคนที่ยังอยู่ในรัสเซียก็เลิกติดต่อทั้งคู่หลังรู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป

แม้ว่ายังคงมีสายสัมพันธ์ของครอบครัว แต่คู่รักวารานคอฟตัดสินใจว่าพวกเขาจะไม่กลับไปรัสเซียอีกแล้ว

"จนกว่าจะเริ่มแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาบ้าง" เซอร์เกย์กล่าว "สำหรับตอนนี้ ผมยังไม่เห็นอะไรที่เป็นมนุษย์ที่นั่น"