ญี่ปุ่น ... 1 ปีเต็มผ่านไป เห็นอะไรมาบ้าง เอามาฝากให้ชมพร้อมพิกัดครับ
กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ มี Login Pantip มานมนานเป็นสิบปี น่าจะโพสต์ไม่ถึงสิบกระทู้ และกระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้แรกตั้งแต่เปลี่ยนเป็นระบบใหม่ รบกวนปล่อยของสักเล็กน้อยครับผม
สืบเนื่องมาจาก ผมมีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น กรุงโตเกียวเป็นรอบที่สามในชีวิต แต่เป็นครั้งที่ 4 ที่ได้มาประเทศแห่งนี้
ย้อนไปครั้งแรกก็ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2005 นู่นน่ะครับ เป็นการมาท่องเที่ยวสิบกว่าวัน ตามใจอยากที่จะบินมาคนเดียวให้เห็น ว่าประเทศนี้มันมีดีอะไร กลายเป็นว่า ติดใจแบบกู่ไม่กลับเลยทีเดียว
ครั้งที่สองที่ได้มา ก็กลายเป็นมาทำงานช่วงสั้นๆสองเดือน เมื่อตอนปลายปี 2010 ก็ยังรู้สึกว่าไม่เต็มอิ่ม แต่ก็ทำให้รอดแผ่นดินไหวใหญ่ เพราะกลับมาก่อนมีนาคม 2011 จนมาถึงปี 2012 ช่วงต้นปี ก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งครั้งนั้นก็อยู่ที่นี่ร่วม 8 เดือน แต่ประเทศนี้ ถ้ารัก ก็รักเลยล่ะครับ ยังงัยก็ต้องกลับมาอีก
จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ช่วงปลายสิงหาคมปี 2013 ก็ได้มีโอกาสกลับมาทำงานที่ประเทศนี้เป็นรอบที่สาม และคราวนี้ก็อยู่ยาวจุใจเต็มอิ่ม 1 ปีเต็มๆผ่านมาแล้วเลยทีเดียว ก็เลยเอารูปสถานที่ๆคนทำงาน เที่ยวได้แค่เสาร์อาทิตย์แต่ใจก็อยากจะเที่ยว มาให้ชมกันว่าคนบ้ากล้องบ้าถ่ายรูปก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อยเปื่อย แต่ละช่วงแต่ละเดือน ได้เห็นอะไรมาบ้างในประเทศอันเป็นที่รักยิ่งแห่งนี้ครับ
ปล. เอาโลเคชั่นไปแปะในกูเกิ้ลแมพได้เลยครับผม
ภาพเปิด เป็น Landmark ที่ผมรักที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ฟูจิซัง นั่นเอง เป็นช่วงเช้าตรู่ประมาณตีห้าครึ่งเดือนมีนาคม สถานที่ๆมีชื่อว่า ฟุโมโตะพาระ บริเวณใกล้ๆก้บทะเลสาบโมโตสึ อากาศหนาวสบายสำหรับคนขี้ร้อนอย่างผมล่ะครับ
Location : N 35°24’2.052”, E 138°33’41.874” (Fumotopara)

ช่วงเพิ่งมาถึง ตอนปลายสิงหาคม ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนมาก เป็นการเตรียมตัวเตรียมข้าวของเครื่องใช้เข้าอพาร์ตเมนต์ในช่วงวันหยุดซะมากกว่า แต่พอเข้าเดือนกันยายนได้ เสาร์อาทิตย์เป็นต้องออกเดินเท้า ปล่อยมันไปตามลมเลยล่ะฮะ และพอดีว่า ญี่ปุ่นมีแคมเปญโปรโมตให้ประเทศตัวเองได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2020 พอดี Tokyo Skytree ที่ผมได้มีโอกาสขึ้นไปชั้นชมวิวสูงลิบเมื่อเดือนมิถุนายน 2012 ตอนเปิดเดือนแรกเลย ก็มีการเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศ ซึ่งโดยปกติ จะเป็นแค่สีม่วงมิยาบิ และสีฟ้าอิคิ ทาวเวอร์นี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆครับ ถ้าจะตามเก็บได้หมดทุกสี ทุกเทศกาล คงต้องเที่ยวญี่ปุ่นกันจนหงำเหงือกเป็นแน่แท้
Location : N 35°43’59.712”, E 139°48’37.662” (แห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุมิดะ)

โอกาสพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ได้มากันง่ายๆ นั่นก็คือ ผมได้มีโอกาสไปเก็บบรรยากาศการแต่งตัวของไมโกะ ตั้งแต่แต่งหน้าทำผมในห้อง จนเสร็จออกมาเป็นรูปร่างเดินเก๋ๆในย่านกิอง กรุงเกียวโต
Location : N 35°0’4.0”, E 135°46’47.662” (Gion Kyoto)

ช่วงเดือนตุลาคม อากาศเย็นๆเริ่มมาเยือนภาคกลางของญี่ปุ่น และแน่นอนครับ ใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงเวลาที่ผู้คนมีความสุขไม่แพ้ช่วงซากุระเลยทีเดียว แต่ช่วงตุลาคม จะมีแต่ทางแถบฮอกไกโด ที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีก่อนใครเขา ไอ้เรายังหาเวลาไปที่ไกลๆไม่ได้ ก็เริ่มไปเที่ยวชมต้นโคเคีย ที่จังหวัดอิบารากิ พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่เปลี่ยนสีจากเขียว เป็นแดงในช่วงเดือนนี้ล่ะครับ
Location : N 36°24’18.180”, E 140°36’1.242” (Hitachi Seaside Park)

นิกโก้ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามตลอดทั้งปี ก็ต้องไปชมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เหมือนกัน ประมาณปลายๆตุลาคม ถึงต้นพฤศจิกายนนี่กำลังเหมาะ แถมเสาร์อาทิตย์ การจราจรหนาแน่นมากเลยทีเดียวครับ
Location : N 36°45’24.570”, E 139°35’58.590” (Toshigi Shrine)

ช่วงเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะบนเกาะฮอนชู ไล่ตั้งแต่แถบคันโต ยาวลงใต้ไปจนถึงชูโกคุ ยันคิวชูนู่นเลย เป็นฤดูไฮซีซั่นระดับพีครองจากช่วงซากุระในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ การจะหาโรงแรมสำหรับม้งอย่างผม ก็ยากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ตรงช่วงเวลาที่ดีมั่งล่ะ เต็มสุดๆมั่งล่ะ แต่สุดท้าย ผมก็ถ่อไปจนถึงเซมโบคุ ที่จังหวัดอะกิตะจนได้ จริงๆทริปนี้แค่อยากจะนั่งชินคังเซ็น E6 สีแดงแปร๊ด แล้วขากลับก็กลับด้วย E5 ฮายาบุสะจากโมริโอกะ แค่นั้นเอง
Location : N 39°36’32.868”, E 140°39’20.910” (Dakigaeri Gorge)

อีกสถานที่หนึ่งในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสี วิวเมืองชินจุกุ และยาวไปจนถึงฟูจิซัง มีวัดให้เที่ยวด้วย ก็ต้องที่ทะคะโอะซังนี่เลยครับ ครบเครื่อง ได้ออกกำลังเดินขึ้นเขาระยะทางสั้นๆด้วย
Location : N 35°37’52.008”, E 139°15’45.282” (Takaosan)

ดินแดนที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้สุนทรีย์ที่สุดในโลก ตัวผมคงจะยกให้เมืองเกียวโตเป็นแน่ ทำไมน่ะหรือ คงเป็นเพราะบรรยากาศโดยรวมล่ะมังครับ ไม่ใช่แค่ใบไม้ ที่เป็นองค์ประกอบหลักในการชม แต่มันคือบรรยากาศโดยรวม ผู้คน สภาพบ้านเมือง วัดวาอาราม มันทำให้รู้สึกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ถ้าจะต้องมาดูใบไม้แดง มันต้องเกียวโต อะไรทำนองนั้น และปีนี้ก็อีกเช่นเคย งานยุ่งจนยังหาโรงแรมไม่ได้ ซึ่งสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนเป็นวันหยุดยาว และโดยเฉลี่ย เกียวโตจะแดงเดือดสุดๆก็สัปดาห์นี้ล่ะครับ ปีก่อน ไปช้าสัปดาห์นึง ช่วงต้นเดือนธันวาคม ใบไม้ก็เริ่มโรยๆซะแล้ว
Location : N 34°59’40.362”, E 135°47’7.620” (Kiyomizu-Dera)

ช่วงปลายเดือนธันวา ที่ญี่ปุ่นก็เหลือแต่บรรยากาศเย็นเฉียบ แต่อากาศแบบนี้ สบายสำหรับผมมากๆ ว่าแล้วก็ออกไปถ่ายรูปอีกตามเคย และคราวนี้ก็ดั้นด้นไปจนถึงสะพานโตเกียวเกต หรือสะพานไดโนเสาร์ ที่คนญี่ปุ่นเรียกแบบนี้เพราะมันเหมือนไดโนเสาร์สองตัวจีบกันอยู่ใช่ไหมล่า มองไปไกลๆ วันท้องฟ้าปลอดโปร่ง ก็จะเห็นฟูจิซังด้วยนะครับ
Location : N 35°36’45.444”, E 139°50’7.596” (Tokyo Gate Bridge)

และก็เช่นเคย ช่วงปลายปีข้ามปีใหม่ อากาศดีๆแบบนี้ เล็งวันดีๆ แล้วก็ออกไปหาภูเขาที่รักอย่างฟูจิซังเช่นเคย คราวนี้เป็นสถานที่ยอดฮิตอย่างฮาโกเน่ ที่ใครๆมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องมีติดไว้ในโปรแกรมกันทุกรายล่ะ การชมฟูจิซังจากฮาโกเน่ในประสบการณ์ส่วนตัวผม มันเป็นสถานที่ๆเห็นฟูจิซังแล้วดูหรูหรา อลังการที่สุดแล้วล่ะ องค์ประกอบโดยรวม(อีกแล้ว)ในการมองเธอ มันช่างลงตัวในความหรูนั่นเอง
Location : N 35°12’0.000”, E 139°1’55.002” (Hakone from Achinoko)

การมองเมืองโตเกียวอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องข้ามมามองที่โอไดบะ อ่าวโตเกียวอยู่ข้างหน้าเคียงคู่กับสะพานสายรุ้ง ตึกระฟ้าอยู่ข้างหลัง มีทาวเวอร์ที่ผมชอบไปมองมันจากข้างล่างเพื่อเพิ่มพลังในการดำเนินชีวิตที่นี่อย่างโตเกียวทาวเวอร์โดดเด่นโผล่ขึ้นมา ทำให้ได้ระลึกเสมอว่า นี่แหละโตเกียว!!! เวลาหมดพลัง ลองไปยืนใต้โตเกียวทาวเวอร์ แหงนหน้ามองแล้วสูดหายใจลึกๆดูครับ พลังกลับคืนมาหยั่งกะดื่มกระทิงแดงสองขวดรวดเลยทีเดียว
Location : N 35°37’59.424”, E 139°46’15.696” (Odaiba Kaihin Koen)

ช่วงต้นปี ที่ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านที่เป็นมรดกโลก จะมีเปิดไฟในช่วงพลบค่ำให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมบนจุดชมวิว พอมองไปยาวๆแล้ว หยั่งกะหลุดเข้าไปในญี่ปุ่นยุคโบราณจริงๆแน่ะ
Location : N 36°15’46.596”, E 136°54’30.126” (Shirakawago)

ถ้าเดือนกุมภาพันธ์ในโตเกียวมันยังหนาวไม่พอ ก็ขึ้นไปคลุกหิมะที่ฮอกไกโดสิครับ ขาวโพลนไปหมด อาหารอร่อยทุกอย่าง วันที่ผมไป เพื่อไปชมเทศกาลหิมะนี่ถึงกับพายุหิมะเข้า กว่าจะแบกร่างกลับมาโตเกียวได้แทบแย่แน่ะ
Location : N 43°11’59.658”, E 141°0’5.358” (Otaru, Hokkaido)

ช่วงเดือนมีนาคม อากาศในโตเกียวเริ่มอุ่นขึ้นเตรียมรับการมาเยือนของสัญลักษณ์อันดับหนึ่ง นั่นก็คือดอกซากุระ ผมก็ยังคงออกตระเวนเก็บภาพตามสถานที่ต่างๆเช่นเคย โดยเฉพาะเมื่อสบโอกาสวันอากาศดีตรงกับวันหยุด ก็ย่อมไม่รอช้า คว้ากล้องออกไปหาฟูจิซังแบบไม่ต้องคิดถึงที่อื่นเลยล่ะ
Location : N 35°15’49.278”, 139°34’35.718” (Fujisan at Sagami Bay)

การตระเวนเก็บภาพฟูจิซัง มีเรื่องที่นักท่องเที่ยวควรเข้าใจอันดับแรกเลยก็คือ เธอขี้อายครับ บางทีเราเช็คอากาศจนเรียกว่ามั่นใจสุดๆ ออกไปจริงๆเธอยังหลบหน้า หลายๆที เมฆก็มาช่วงบดบังใบหน้าของเธอซะงั้น แม้ฟ้าโดยรอบข้างจะใสสว่างไปทั้งหมด -,-
Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan and Enoshima)

ดังนั้น การออกไปหาฟูจิซัง มันก็เหมือนความท้าทายอย่างนึงในชีวิต ภูเขาอะไร สวย 360 องศา แถมยังเป็นกุลสตรีไทยยุคโบราณ ไม่ชอบเปิดเผยหน้าตาในที่แจ้งมากนัก ยิ่งวันไหนได้เห็นเธอเต็มๆ อารมณ์ดีแบบบอกไม่ถูก โดนลุงแซงขึ้นรถไฟยังยิ้มได้ อะไรทำนองนั้น
Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan from Shizuoka Tea Plant)

อีกอย่างในญี่ปุ่น ที่ผมรักไม่น้อยไปกว่าฟูจิซังเลย นั่นก็คือ รถไฟ ครับ ชอบจริงๆเลยรถไฟญี่ปุ่นเนี่ย ยิ่งเป็นชินคังเซน หรือรถไฟแปลกๆ ลายลิมิเต็ดนี่เห็นแล้วใจละลาย แล้วถ้าสองอย่างนี้มาอยู่รวมกัน ผมถึงกับบรรยายอะไรไม่ออกเลยทีเดียวล่ะ
Location : N 35°9’7.998”, E 138°43’54.000” (Fujisan and Shinkansen)

สืบเนื่องมาจาก ผมมีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น กรุงโตเกียวเป็นรอบที่สามในชีวิต แต่เป็นครั้งที่ 4 ที่ได้มาประเทศแห่งนี้
ย้อนไปครั้งแรกก็ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2005 นู่นน่ะครับ เป็นการมาท่องเที่ยวสิบกว่าวัน ตามใจอยากที่จะบินมาคนเดียวให้เห็น ว่าประเทศนี้มันมีดีอะไร กลายเป็นว่า ติดใจแบบกู่ไม่กลับเลยทีเดียว
ครั้งที่สองที่ได้มา ก็กลายเป็นมาทำงานช่วงสั้นๆสองเดือน เมื่อตอนปลายปี 2010 ก็ยังรู้สึกว่าไม่เต็มอิ่ม แต่ก็ทำให้รอดแผ่นดินไหวใหญ่ เพราะกลับมาก่อนมีนาคม 2011 จนมาถึงปี 2012 ช่วงต้นปี ก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งครั้งนั้นก็อยู่ที่นี่ร่วม 8 เดือน แต่ประเทศนี้ ถ้ารัก ก็รักเลยล่ะครับ ยังงัยก็ต้องกลับมาอีก
จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ช่วงปลายสิงหาคมปี 2013 ก็ได้มีโอกาสกลับมาทำงานที่ประเทศนี้เป็นรอบที่สาม และคราวนี้ก็อยู่ยาวจุใจเต็มอิ่ม 1 ปีเต็มๆผ่านมาแล้วเลยทีเดียว ก็เลยเอารูปสถานที่ๆคนทำงาน เที่ยวได้แค่เสาร์อาทิตย์แต่ใจก็อยากจะเที่ยว มาให้ชมกันว่าคนบ้ากล้องบ้าถ่ายรูปก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อยเปื่อย แต่ละช่วงแต่ละเดือน ได้เห็นอะไรมาบ้างในประเทศอันเป็นที่รักยิ่งแห่งนี้ครับ
ปล. เอาโลเคชั่นไปแปะในกูเกิ้ลแมพได้เลยครับผม
ภาพเปิด เป็น Landmark ที่ผมรักที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ฟูจิซัง นั่นเอง เป็นช่วงเช้าตรู่ประมาณตีห้าครึ่งเดือนมีนาคม สถานที่ๆมีชื่อว่า ฟุโมโตะพาระ บริเวณใกล้ๆก้บทะเลสาบโมโตสึ อากาศหนาวสบายสำหรับคนขี้ร้อนอย่างผมล่ะครับ
Location : N 35°24’2.052”, E 138°33’41.874” (Fumotopara)
ช่วงเพิ่งมาถึง ตอนปลายสิงหาคม ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนมาก เป็นการเตรียมตัวเตรียมข้าวของเครื่องใช้เข้าอพาร์ตเมนต์ในช่วงวันหยุดซะมากกว่า แต่พอเข้าเดือนกันยายนได้ เสาร์อาทิตย์เป็นต้องออกเดินเท้า ปล่อยมันไปตามลมเลยล่ะฮะ และพอดีว่า ญี่ปุ่นมีแคมเปญโปรโมตให้ประเทศตัวเองได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2020 พอดี Tokyo Skytree ที่ผมได้มีโอกาสขึ้นไปชั้นชมวิวสูงลิบเมื่อเดือนมิถุนายน 2012 ตอนเปิดเดือนแรกเลย ก็มีการเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศ ซึ่งโดยปกติ จะเป็นแค่สีม่วงมิยาบิ และสีฟ้าอิคิ ทาวเวอร์นี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆครับ ถ้าจะตามเก็บได้หมดทุกสี ทุกเทศกาล คงต้องเที่ยวญี่ปุ่นกันจนหงำเหงือกเป็นแน่แท้
Location : N 35°43’59.712”, E 139°48’37.662” (แห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุมิดะ)
โอกาสพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ได้มากันง่ายๆ นั่นก็คือ ผมได้มีโอกาสไปเก็บบรรยากาศการแต่งตัวของไมโกะ ตั้งแต่แต่งหน้าทำผมในห้อง จนเสร็จออกมาเป็นรูปร่างเดินเก๋ๆในย่านกิอง กรุงเกียวโต
Location : N 35°0’4.0”, E 135°46’47.662” (Gion Kyoto)
ช่วงเดือนตุลาคม อากาศเย็นๆเริ่มมาเยือนภาคกลางของญี่ปุ่น และแน่นอนครับ ใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงเวลาที่ผู้คนมีความสุขไม่แพ้ช่วงซากุระเลยทีเดียว แต่ช่วงตุลาคม จะมีแต่ทางแถบฮอกไกโด ที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีก่อนใครเขา ไอ้เรายังหาเวลาไปที่ไกลๆไม่ได้ ก็เริ่มไปเที่ยวชมต้นโคเคีย ที่จังหวัดอิบารากิ พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่เปลี่ยนสีจากเขียว เป็นแดงในช่วงเดือนนี้ล่ะครับ
Location : N 36°24’18.180”, E 140°36’1.242” (Hitachi Seaside Park)
นิกโก้ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามตลอดทั้งปี ก็ต้องไปชมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เหมือนกัน ประมาณปลายๆตุลาคม ถึงต้นพฤศจิกายนนี่กำลังเหมาะ แถมเสาร์อาทิตย์ การจราจรหนาแน่นมากเลยทีเดียวครับ
Location : N 36°45’24.570”, E 139°35’58.590” (Toshigi Shrine)
ช่วงเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะบนเกาะฮอนชู ไล่ตั้งแต่แถบคันโต ยาวลงใต้ไปจนถึงชูโกคุ ยันคิวชูนู่นเลย เป็นฤดูไฮซีซั่นระดับพีครองจากช่วงซากุระในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ การจะหาโรงแรมสำหรับม้งอย่างผม ก็ยากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ตรงช่วงเวลาที่ดีมั่งล่ะ เต็มสุดๆมั่งล่ะ แต่สุดท้าย ผมก็ถ่อไปจนถึงเซมโบคุ ที่จังหวัดอะกิตะจนได้ จริงๆทริปนี้แค่อยากจะนั่งชินคังเซ็น E6 สีแดงแปร๊ด แล้วขากลับก็กลับด้วย E5 ฮายาบุสะจากโมริโอกะ แค่นั้นเอง
Location : N 39°36’32.868”, E 140°39’20.910” (Dakigaeri Gorge)
อีกสถานที่หนึ่งในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสี วิวเมืองชินจุกุ และยาวไปจนถึงฟูจิซัง มีวัดให้เที่ยวด้วย ก็ต้องที่ทะคะโอะซังนี่เลยครับ ครบเครื่อง ได้ออกกำลังเดินขึ้นเขาระยะทางสั้นๆด้วย
Location : N 35°37’52.008”, E 139°15’45.282” (Takaosan)
ดินแดนที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้สุนทรีย์ที่สุดในโลก ตัวผมคงจะยกให้เมืองเกียวโตเป็นแน่ ทำไมน่ะหรือ คงเป็นเพราะบรรยากาศโดยรวมล่ะมังครับ ไม่ใช่แค่ใบไม้ ที่เป็นองค์ประกอบหลักในการชม แต่มันคือบรรยากาศโดยรวม ผู้คน สภาพบ้านเมือง วัดวาอาราม มันทำให้รู้สึกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ถ้าจะต้องมาดูใบไม้แดง มันต้องเกียวโต อะไรทำนองนั้น และปีนี้ก็อีกเช่นเคย งานยุ่งจนยังหาโรงแรมไม่ได้ ซึ่งสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนเป็นวันหยุดยาว และโดยเฉลี่ย เกียวโตจะแดงเดือดสุดๆก็สัปดาห์นี้ล่ะครับ ปีก่อน ไปช้าสัปดาห์นึง ช่วงต้นเดือนธันวาคม ใบไม้ก็เริ่มโรยๆซะแล้ว
Location : N 34°59’40.362”, E 135°47’7.620” (Kiyomizu-Dera)
ช่วงปลายเดือนธันวา ที่ญี่ปุ่นก็เหลือแต่บรรยากาศเย็นเฉียบ แต่อากาศแบบนี้ สบายสำหรับผมมากๆ ว่าแล้วก็ออกไปถ่ายรูปอีกตามเคย และคราวนี้ก็ดั้นด้นไปจนถึงสะพานโตเกียวเกต หรือสะพานไดโนเสาร์ ที่คนญี่ปุ่นเรียกแบบนี้เพราะมันเหมือนไดโนเสาร์สองตัวจีบกันอยู่ใช่ไหมล่า มองไปไกลๆ วันท้องฟ้าปลอดโปร่ง ก็จะเห็นฟูจิซังด้วยนะครับ
Location : N 35°36’45.444”, E 139°50’7.596” (Tokyo Gate Bridge)
และก็เช่นเคย ช่วงปลายปีข้ามปีใหม่ อากาศดีๆแบบนี้ เล็งวันดีๆ แล้วก็ออกไปหาภูเขาที่รักอย่างฟูจิซังเช่นเคย คราวนี้เป็นสถานที่ยอดฮิตอย่างฮาโกเน่ ที่ใครๆมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องมีติดไว้ในโปรแกรมกันทุกรายล่ะ การชมฟูจิซังจากฮาโกเน่ในประสบการณ์ส่วนตัวผม มันเป็นสถานที่ๆเห็นฟูจิซังแล้วดูหรูหรา อลังการที่สุดแล้วล่ะ องค์ประกอบโดยรวม(อีกแล้ว)ในการมองเธอ มันช่างลงตัวในความหรูนั่นเอง
Location : N 35°12’0.000”, E 139°1’55.002” (Hakone from Achinoko)
การมองเมืองโตเกียวอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องข้ามมามองที่โอไดบะ อ่าวโตเกียวอยู่ข้างหน้าเคียงคู่กับสะพานสายรุ้ง ตึกระฟ้าอยู่ข้างหลัง มีทาวเวอร์ที่ผมชอบไปมองมันจากข้างล่างเพื่อเพิ่มพลังในการดำเนินชีวิตที่นี่อย่างโตเกียวทาวเวอร์โดดเด่นโผล่ขึ้นมา ทำให้ได้ระลึกเสมอว่า นี่แหละโตเกียว!!! เวลาหมดพลัง ลองไปยืนใต้โตเกียวทาวเวอร์ แหงนหน้ามองแล้วสูดหายใจลึกๆดูครับ พลังกลับคืนมาหยั่งกะดื่มกระทิงแดงสองขวดรวดเลยทีเดียว
Location : N 35°37’59.424”, E 139°46’15.696” (Odaiba Kaihin Koen)
ช่วงต้นปี ที่ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านที่เป็นมรดกโลก จะมีเปิดไฟในช่วงพลบค่ำให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมบนจุดชมวิว พอมองไปยาวๆแล้ว หยั่งกะหลุดเข้าไปในญี่ปุ่นยุคโบราณจริงๆแน่ะ
Location : N 36°15’46.596”, E 136°54’30.126” (Shirakawago)
ถ้าเดือนกุมภาพันธ์ในโตเกียวมันยังหนาวไม่พอ ก็ขึ้นไปคลุกหิมะที่ฮอกไกโดสิครับ ขาวโพลนไปหมด อาหารอร่อยทุกอย่าง วันที่ผมไป เพื่อไปชมเทศกาลหิมะนี่ถึงกับพายุหิมะเข้า กว่าจะแบกร่างกลับมาโตเกียวได้แทบแย่แน่ะ
Location : N 43°11’59.658”, E 141°0’5.358” (Otaru, Hokkaido)
ช่วงเดือนมีนาคม อากาศในโตเกียวเริ่มอุ่นขึ้นเตรียมรับการมาเยือนของสัญลักษณ์อันดับหนึ่ง นั่นก็คือดอกซากุระ ผมก็ยังคงออกตระเวนเก็บภาพตามสถานที่ต่างๆเช่นเคย โดยเฉพาะเมื่อสบโอกาสวันอากาศดีตรงกับวันหยุด ก็ย่อมไม่รอช้า คว้ากล้องออกไปหาฟูจิซังแบบไม่ต้องคิดถึงที่อื่นเลยล่ะ
Location : N 35°15’49.278”, 139°34’35.718” (Fujisan at Sagami Bay)
การตระเวนเก็บภาพฟูจิซัง มีเรื่องที่นักท่องเที่ยวควรเข้าใจอันดับแรกเลยก็คือ เธอขี้อายครับ บางทีเราเช็คอากาศจนเรียกว่ามั่นใจสุดๆ ออกไปจริงๆเธอยังหลบหน้า หลายๆที เมฆก็มาช่วงบดบังใบหน้าของเธอซะงั้น แม้ฟ้าโดยรอบข้างจะใสสว่างไปทั้งหมด -,-
Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan and Enoshima)
ดังนั้น การออกไปหาฟูจิซัง มันก็เหมือนความท้าทายอย่างนึงในชีวิต ภูเขาอะไร สวย 360 องศา แถมยังเป็นกุลสตรีไทยยุคโบราณ ไม่ชอบเปิดเผยหน้าตาในที่แจ้งมากนัก ยิ่งวันไหนได้เห็นเธอเต็มๆ อารมณ์ดีแบบบอกไม่ถูก โดนลุงแซงขึ้นรถไฟยังยิ้มได้ อะไรทำนองนั้น
Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan from Shizuoka Tea Plant)
อีกอย่างในญี่ปุ่น ที่ผมรักไม่น้อยไปกว่าฟูจิซังเลย นั่นก็คือ รถไฟ ครับ ชอบจริงๆเลยรถไฟญี่ปุ่นเนี่ย ยิ่งเป็นชินคังเซน หรือรถไฟแปลกๆ ลายลิมิเต็ดนี่เห็นแล้วใจละลาย แล้วถ้าสองอย่างนี้มาอยู่รวมกัน ผมถึงกับบรรยายอะไรไม่ออกเลยทีเดียวล่ะ
Location : N 35°9’7.998”, E 138°43’54.000” (Fujisan and Shinkansen)
แก้ไขข้อความเมื่อ 21 สิงหาคม 2557 เวลา 12:45:22 น.
Mahalarp
279 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1-1
.
แก้ไขข้อความเมื่อ 21 สิงหาคม 2557 เวลา 03:43:53 น.
สมาชิกหมายเลข 1080842
ความคิดเห็นที่ 1-2
ขออนุญาตเป็นแฟนคลับ เกาะขอบกระทู้ครับ
anurak_jun
ความคิดเห็นที่ 1-3
ขึ้นไปถ่ายวัด Senso-ji, Asakusa ตึกไหนเหรอครับ
tottui
ความคิดเห็นที่ 1-4
ด้านหน้าวัด มีตึกที่เป็นศูนย์นักท่องเที่ยวครับผม ข้ามถนนหน้าวัดมาก็เข้าประตูได้เลยคร้าบบบ
Mahalarp
ความคิดเห็นที่ 1-5
สวยมากเลยค่ะ 
soompooy
ความคิดเห็นที่ 2
สุดสุด
สองแสนทองสิบบาท
ความคิดเห็นที่ 3
รูปสวยจังเลยค่ะ แถมยังลงโลเคชั่นไว้ให้ตามรอยได้อีก ขอบคุณมากเลยนะคะ
รู้ว่าเหนื่อย...
ความคิดเห็นที่ 4
สวยทุกที่
น่าไปทุกฤดู
อิจฉาจังครับ
น่าไปทุกฤดู
อิจฉาจังครับ
Suisen
ความคิดเห็นที่ 5
สวยมากๆ ครับ
ForDed
ความคิดเห็นที่ 6
ดูเพลินเลย รูปสวยมากค่ะ
ohnaejung
ความคิดเห็นที่ 7
สวยครับ ขอบคุณที่แชร์
ข้าวเหนียวไก่ทอด
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับภาพสวยๆ และข้อมูล
ลิงละเมอ
ความคิดเห็นที่ 9
นี่มันฝีมือปรมาจารย์แล้ว
กงจื้อรอง
ความคิดเห็นที่ 10
รูปสวยมากกกกกกกกกกกกก
ดูแล้วคิดว่าต้องเป็นช่างภาพมืออาชีพมาเองนะค่ะเนี่ย
ดูแล้วคิดว่าต้องเป็นช่างภาพมืออาชีพมาเองนะค่ะเนี่ย
MekMook
ความคิดเห็นที่ 11
กำลังจะไปครั้งแรก และคิดว่าต้องไปครั้ง...ต่อต่อไปด้วย^^
loveMoNe
ความคิดเห็นที่ 12
รูปสวยมากๆครับ
JIRATH
ความคิดเห็นที่ 13
Drunkenangel
ความคิดเห็นที่ 13-1
ไม่มีนาย เราคงเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นี่ลำบากน่าดูเลยเพื่อนรักเอ๊ยยย
Mahalarp
ความคิดเห็นที่ 14
thyrocyte
ความคิดเห็นที่ 15
JouRneY-VoyagE
ความคิดเห็นที่ 16
สวยงามมากครับ ชีวิตนี้อยากถ่ายได้สวยๆแบบนี้บ้างจัง
นางหงส์เหิน
ความคิดเห็นที่ 17
โห...งามๆๆๆๆๆๆ
NMkrung
ความคิดเห็นที่ 18
ขอบคุณครับที่นำภาพสวยสวยมาแบ่งปัน 

สล่าหน้อย
ความคิดเห็นที่ 19
สุดยอดมากๆครับ 1ปี ได้มาเยอะเลย อิจฉาสุดๆ
สมาชิกหมายเลข 797731
ความคิดเห็นที่ 20
รูปสวยมากกกกกกกกก
คำบรรยายก็ชอบมากกกก
รักกระทู้นี้จังเลยค่ะ
อีกเดือนกว่าๆเราก็ต้องไปอยู่ญี่ปุ่น1ปี
ถ้ามีเวลาก็ตั้งใจว่าจะไปเตร็ดเตร่ถ่ายรูปเรื่อยๆเหมือนกันค่ะ
คำบรรยายก็ชอบมากกกก
รักกระทู้นี้จังเลยค่ะ
อีกเดือนกว่าๆเราก็ต้องไปอยู่ญี่ปุ่น1ปี
ถ้ามีเวลาก็ตั้งใจว่าจะไปเตร็ดเตร่ถ่ายรูปเรื่อยๆเหมือนกันค่ะ
MAKOMAKO
ความคิดเห็นที่ 21
สวยและเจ๋งมี location ด้วย
tan_www
ความคิดเห็นที่ 22
รูปสวยมากกกกกกกก ถ่ายเก่งจังค่ะ ขอบคุณนะคะ
catky
ความคิดเห็นที่ 23
รูปสวยมากๆเลยค่ะ แถมบอกตำแหน่งให้ด้วย
ขอบคุณมากนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ
Miss_Behaving
ความคิดเห็นที่ 24
รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆ ทุกๆรูปเลยค่ะ
โดยเฉพาะรูปเปิด
สุดยอด!!!!
โดยเฉพาะรูปเปิด
สุดยอด!!!!
Wanne be a World Traveller
ความคิดเห็นที่ 25
สวยๆทั้งนั้นครับ ขอเซพกระทู้ไว้ก่อน ไปคราวหน้าได้พิกัด ที่เที่ยวอีกเยอะเลย
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
กระท่อมชาวไร่
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
วาดเล่นๆจนได้เป็น ....ผ้ า พั น ค อ
สมาชิกหมายเลข 1278027
Location : N 35°38’45.198”, E 139°41’54.858” (Naka-Meguro Station)
อีกสถานที่หนึ่งที่ผมได้เห็นซากุระแบบแน่ๆ ถ้าอยู่ญี่ปุ่น นั่นก็คือที่สวนคินุตะ สวนใหญ่เบ้อเริ่มหลังอพาร์ทเม้นต์ผมเอง ตอนกลางวันที่ออฟฟิสก็จะชวนกันไปปูเสื่อกินข้าวกันที่สวนนี้ด้วยล่ะ จนผมมองไปนานๆ ซากุระมันไม่ใช่ดอกไม้แฮะ มันคือวิถีชีวิต มันคือภาพรวม บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้ดีสุดๆยิ่งกว่าใบไม้แดง หรือฟูจิซังเลยทีเดียว
Location : N 35°37’51.852”, E 139°37’14.232” (Kinuta Park, Yoga Station)
ที่คุดันชิตะ ก็เป็นจุดหนึ่งที่เห็นซากุระใบแบบโตเกี๊ยวโตเกียว มีสระน้ำให้พายเรือกันหนุงหนิง มีซากุระล้อมรอบ และมี โตเกียวทาวเวอร์
Location : N 35°41'40.572", E 139°44'53.418" (Kudanshita Kitanomaru Park)
เดือนปลายเมษายน ต้นพฤษภาคม ใครยังไม่เต็มอิ่มกับซากุระในแถบคันโตกับคันไซ ก็ต้องขึ้นเหนือครับ แถบโทโฮคุ กับฮอกไกโด กำลังบานสะพรั่งเลยทีเดียวล่ะ แล้วในช่วงนี้ ก็เป็นช่วงหยุดยาวโกลเด้นวีคของญี่ปุ่น ที่ปราสาทฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ก็เลยกลายเป็นสถานที่ๆคนแห่กันไปชมซากุระมากเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
Location : N 35°37’51.852”, E 139°37’14.232” (Hirosaki Castle, Aomori)
แล้วก็อีกสถานที่หนึ่ง ที่ในช่วงนี้ต้องมาให้ได้ นั่นก็คือการเอาร่างกายมาแปะบนกำแพงหิมะสูงท่วมหัวบนเทือกเขาทาเทยามะ สูงๆหนาวๆขนาดนี้ นักท่องเที่ยวแห่กันมาสูดไอเย็นกันเต็มที่
Location : N 36°34’36.000”, E 137°35’26.706” (Tateyama Kurobe Alpine - Snow Corridor)
เข้าเดือนมิถุนายน ก็เป็นช่วงฤดูฝนของที่นี่ หาวันอากาศดีๆออกไปถ่ายรูปยากมาก เลยเน้นชอปปิ้งจนตังหมดเป็นส่วนใหญ่ ฮา แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิด มีเหรอผมจะพลาด หอบกล้องปีนตึก ได้เห็นโตเกียวทาวเวอร์ก็มีความสุขแล้วล่ะครับ
Location : N 35°39’22.722”, E 139°45’24.138” (World Trade Center, Tokyo)
และก็อีก ถ้าอากาศดี ทำไมจะไม่ออกไปหาเธอคนนี้ ฟูจิซัง ที่ในภาพนี้คือชินโดโตเกะ เขาที่ต้องขึ้นจากทางทะเลสาบคาวากุชิโกะ ซึ่งที่นี่ผมเคยเสล่อมาตอนเดือนมีนาคม หิมะยังปกคลุมทางขึ้นอย่างหนาอยู่เลย เริ่มเดินลุยหิมะตั้งแต่ตีสี่กว่ามาถึงใกล้ๆจุดนี้ประมาณตีห้านิดๆ และในอีกไม่กี่นาทีก็จะพบเป้าหมาย แต่หิมะก็ทำให้ทางอันตรายเกินกว่าจะข้ามขอบเขาไปทักทายฟูจิซังได้ เลยมีอันต้องล่มไปตามระเบียบ แล้วกลับมาครั้งใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายน ก็ช้าไปนิดนึง ตีสี่ครึ่งฟ้าก็สว่างขนาดนี้แล้วล่ะครับ ต้องกลับมาซ่อม
Location : N 35°32’50.874”, E 138°44’4.188” (Shindotoge, Mt.Kurodake, Yamanashi)
ดินแดนที่แลนสเคปของความเป็นเมือง สวยที่สุดในญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้นโยโกฮาม่า เมืองสวย สะอาดสะอ้าน อาหารอร่อย มิวเซียมเพียบ มีทะเล และมีเรืออันเป็นที่รักยิ่ง … Hikawa Maru
Location : N 35°27’16.080”, E 139°37’50.592” (Yokohama Landmark Tower)
เดือนกรกฎาคม เข้าหน้าร้อนเต็มรูปแบบของประเทศญี่ปุ่น ร้อนไปหมด ร้อนจนผมแทบจะยืนเกาะตู้ขายน้ำได้ทั้งวัน และสิ่งที่คู่กับหน้าร้อน ที่จะขาดไปไม่ได้สิ่งนึงเลยก็คือพลุครับ ได้มีโอกาสไปชมพลุที่เดียวแบบเต็มๆในปีนี้ ที่เอโดกาวะฮานาบิ ส่วนที่อื่นน่ะหรือ หึหึหึหึ โดยภัยฟ้าตุ่นฝนตกเข้าเล่นงานครับ -,-
Location : N 35°43’20.874”, E 139°54’7.104” (Edogawa Hanabi 2014)
แล้วก็วันที่เจ็ด เดือนเจ็ด วันแห่งความรักที่คนญี่ปุ่นรอคอย แม้มันจะเป็นรักที่ไม่ค่อยสมหวังเสียเท่าไหร่ แต่มันก็มีคุณค่าในการรอคอย และปีนี้ ผมก็ได้กลับไปเดินเล่นทีฮิรัตสุกะทานาบาตะอีกเช่นเคย ทานาบาตะ ก็เป็นเทศกาลที่คู่กั๊นคู่กันกับหน้าร้อนของญี่ปุ่น แม้จะร้อนแบบหูดับตับไหม้ แต่ผู้คนก็เดินยิ้มกันอย่างมีความสุขในเทศกาลเหล่านี้แหละครับ
Location : N 35°19’47.268”, E 139°20’54.378” (Hiratsuka Tanabata)
ร้อนๆแบบนี้ เที่ยวน้ำตกก็ดีไม่หยอก พอดีมีทริปของบริษัท พาไปเที่ยวผ่อนคลายที่คารุอิซาวะ เมืองเล็กๆระหว่างทางจากโตเกียว ก่อนจะถึงจังหวัดนางาโนะ มีน้ำตกเล็กๆแห่งนึงที่มีความพิเศษตรงที่ มันสูงเพียงแค่สามเมตร แต่ยาวพรืดร่วมเจ็ดสิบเมตร เลนส์กว้างแค่ไหนก็เก็บไม่หมดครับ
Location : N 36°24’37.470”, E 138°35’32.676” (Shiraito Falls)
ที่ญี่ปุ่น มีตึกที่โครงสร้างการออกแบบแปลกตาก็ไม่น้อย เรียกได้ว่า ตึกและถนนหนทางนี่จัดเต็มมาก ผิดกับห้องนอน ที่เล็กอย่างกับรูหนู ทำให้ผมอยู่บ้านไม่ติด ต้องออกมาเดินเล่นชมบ้านชมเมืองทุกวันหยุดนั่นแหละ แม้ว่าจะเป็นวันฝนตก ฟ้าตุ่น ถ่ายรูปไม่ได้ ก็ยังต้องออกมายืดเส้นยืดสาย ตึกในภาพก็เป็นตึกนึงที่โครงสร้างสวยงามน่าชมเลยทีเดียว แต่ตอนถ่ายรูปออกมา มันดูไม่บาลานซ์ยังงัยไม่รู้ เลยจับใส่กระจกซะเลย
Location : N 35°40’35.952”, E 139°45’51.522” (Tokyo International Forum)
หน้าร้อน ฟ้าเน่า มองไม่เห็นฟูจิ ไม่มีอะไรทำ ก็ออกมาเป็นติ่งรถไฟครับ … ยืนดูชินคังเซนวิ่งผ่านไปผ่านมา สนุกดีนะเออ
Location : N 35°39’23.814”, E 139°45’24.660” (Hamamatsucho Station)
สิงหาคม ครบหนึ่งปีพอดีที่ได้มากินๆนอนๆ ใช้แรงงานที่นี่ หวังว่าจะได้นำความรู้กลับไปใช้ที่บ้านเกิดเมืองนอนในวันข้างหน้า … เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โตเกียวสกายทรี ก็มีสีใหม่มาให้ชมอีกแล้ว (จริงๆผมมีสีต้นคริสต์มาส กับต้นซากุระด้วยนะ) แล้วมาคราวนี้ ก็เป็นสีที่มีชื่อในคอนเซปต์สองชื่อว่า “Happy” “Again” … มีความสุขกับการใช้ชีวิตเถอะครับ แม้ว่ามันจะลำบากยากเย็นเพียงไหน หามุมสบายของเราเอาไว้พักผ่อนให้เจอ พักเสร็จ เดินเตะรถสิบล้อยังพังมันได้เลยล่ะ ฮาาา
Location : N 35°42’43.926”, E 139°48’0.156" (แห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุมิดะ)
สุดท้ายแล้วครับ ขอบพระคุณที่เลื่อนตามดูผมโม้จนจบ โดยกู(ไม่)รู้ กูเที่ยวแหลก อย่างผม มีอะไรผิดพลาดประการใด แนะนำกันมาได้ครับผม เผื่อจะเป็นข้อมูลให้คนที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่น ได้เห็นประเทศนี้ในมุมมองที่กว้างมากขึ้น หลากหลายมากขึ้น และสนุกกับการเดินทางมากยิ่งขึ้นครับพ้มมม
Location : N 35°42’38.610”, E 139°47’46.860” (Senso-ji, Asakusa)
ฝากอัลบั้มรูปก๊อกๆแก๊กๆของผมที่ http://500px.com/mahalarp ด้วยครับ จะพยายามหารูปมาฝากตามแต่อากาศจะเอื้ออำนวยครับผม
Location : N 35°40'48.408", E 139°45'53.472" (Tokyo Station)
(c) Mahalarp Teeradechyothin http://mahalarp.com/about
20 สิงหาคม 2557 เวลา 22:25:38 น.