สัมภาษณ์พิเศษ -อุ๊ หฤทัย / เนชั่นสุดสัปดาห์ (ฉ.740) เมื่อคืนค้นเพลงเก่าๆ ไปเจอเพลงที่เคยฟังสมัยรุ่นๆ (รุ่นไหน) แล้วรู้สึกชอบ เพราะด้วยพลังน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ อุ๊ หฤทัย โดยเฉพาะ เพลงไม่รักดี ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นเพลงที่น่าฟัง จะออกไปทางร็อกนะครับ และเมื่อมีโอกาสไปคุยกับเธอแบบยาวๆ สัมภาษณ์พิเศษ ที่สนามมวยของเธอ ย่านคลองเตย หลังเธอได้รับเลือกเป็น สข. พระโขนง ซึ่งมีสัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว
ฉะนั้น ฟังเพลงของ ก็น่าจะเอามุมมองของเธอที่ลงเล่นการเมืองมาประกอบ คงได้อรรถรสไปอีกแบบนะครับ
เชิญฟัง! เชิญอ่านครับ!! (ขอบคุณเพลงจากแกรมมี่ด้วยครับ) |
"รบกับเผด็จการที่มีปืน ยังไม่น่ากลัวเท่ารบกับทุนใหญ่"
จุดยืนร็อคเกอร์สาว 'อุ๊ เปเปอร์แจม'  ใครจะไปคิคว่า นักร้องร็อคเกอร์เสียงห้าว จากค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ อย่าง อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี จะหันเหมาเล่นการเมืองท้องถิ่น จนได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เป็น 1 ใน 7 ของสมาชิกสภาเขตพระโขนง
ใครจะไปคิดว่า นักร้องสาววัยสามสิบต้นๆ ผู้นี้ จะมีความสนใจเหตุบ้านการเมืองไม่น้อยไปกว่า 'คอการเมือง' คนไหนเลย!
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นบนถนนการเมืองของเธอ ที่ดูท่าจะไปได้สวย ด้วยการเริ่มจากเวทีการเมืองท้องถิ่นประเดิมสนาม แต่ใช่เธอจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านการเมือง เพราะถ้าย้อนไปดูปูมชีวิตของเธอจากวัยรุ่นจนมาสู่วัยเต็มคนแล้วนั้น เธอได้เรียนรู้การต่อสู้บนหนทางประชาธิปไตยมาแล้ว
อย่างน้อยเธอก็ผ่านสมรภูมิเลือดราชดำเนิน ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หลังจากวันนั้น เธอเบนเข็มสู่ถนนดนตรี แล้วก็ประสพผลสำเร็จ เมื่อช่วงกลางปี 2540 กับวงดนตรีชื่อ 'เปเปอร์แจม' สังกัดค่ายมอร์ มิวสิก (เครือแกรมมี่)
อัลบั้มแรกของพวกเขา โดยมี อุ๊ เป็นนักร้องนำ ด้วยน้ำเสียงห้าวลึก มีพลัง แฝงความแข็งแรง กลายเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้
จวบจนปลายปี 2542 อุ๊จึงได้นำประสบการณ์ที่สะสมมาจากการร้องเพลง ออกอัลบั้มเดี่ยวของเธอเอง ในชื่อ 'BY HEART' ซึ่งแปลความหมายเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า จากหัวใจ เป็นสำเนียงดนตรีที่เข้ากับเสียงของเธอได้ดี คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าร็อค
กระทั่งต้นปี 2544 อุ๊เข้าร่วมกับเพื่อนศิลปินอีก 6 คน ทำอัลบั้มพิเศษที่ใช้ชื่อว่า SEVEN เปิดตัวด้วยเพลง 'ความรักทั้งเจ็ด' กับมุมมองความรักในแต่ละแบบของ 7 สาว สำหรับอุ๊เองก็มีเพลงเด่นในอัลบั้มนี้อย่างเช่น 'แค่หลับตา' และ 'ฉันไม่เป็นไร'
ต่อมา เมษายน 2544 อุ๊มีอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 ที่ใช้ชื่อว่า THE VOICE เพลงในอัลบั้มนี้เน้นเสียงร้องหนักๆ และดนตรีร็อคแน่นๆ แบบผู้ชาย และมีนาคม 2545 ความสามารถของเธอได้รับการการันตีอีกครั้งด้วยรางวัล สีสัน อวอร์ดส์ สาขาศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม และปี 2546 ทำอัลบั้มพิเศษ 'amp+au' เป็นการรวมตัวกันอีกครั้งของ 2 นักร้องเปี่ยมคุณภาพอย่าง แอม-เสาวลักษณ์ และมีงานแจมกับคอนเสิร์ตของศิลปินในค่าย แต่ยังไม่มีอัลบั้มใหม่ออกมาให้แฟนๆ เพลงของเธอได้ฟังกันอีก ช่วงกลางปีที่แล้ว มีข่าวว่าเธอจะทำค่ายมวยไทย สานต่อจากลุงและพ่อ คือค่าย 'ลูกเจ้าแม่เข็มทอง' ก็สร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆ ของเธอไม่น้อย
จนกระทั่งต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ภาพอุ๊ขึ้นป้ายหราในเขตพระโขนง ในนามผู้สมัคร ส.ข. พรรคประชาธิปัตย์ ยังความสงสัยไปทั่ววงการ เพราะเธอยังเป็นนักร้องสังกัดแกรมมี่อยู่ และมีสัญญาทำเทปอีกปีกว่า
อุ๊ บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับต้นสังกัด และที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพราะได้รับคำแนะนำจาก สามารถ มะลูลีม อดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร
นักการเมืองสาวเสียงห้าว ชอบ 'พูดตรงๆ' คนนี้ น่าจะมีมุมมองทางการเมืองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่อง 'บ้านเมือง' กับการเมือง และวงการเพลงได้ระทึกใจยิ่ง!
0 เริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ สนใจมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ แล้ว เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้สนใจการเมือง ซึ่งแม่อุ๊ เขาจะมีพี่น้องที่สนใจเหตุบ้านการเมือง มีอะไรก็จะมาคุยกัน แล้วเขาก็ชอบพาอุ๊ไปงานรำลึก 14 ตุลา และทำกิจกรรมให้เด็กๆ หรือพาไปฟังปราศรัยที่สนามหลวง จนโตมาเป็นมาเป็นวัยรุ่น เราก็จะสนใจการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่เรียนอยู่วิทยาลัยช่างศิลป์ อุ๊จำได้ตอนเรียนปีที่ 1 เป็นช่วง รสช. ปฏิวัติพอดี ช่วงรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ช่วงนั้นการเมืองฮอตมาก ทำให้ช่วงที่เป็นวัยรุ่นรู้สึกว่าการเมืองมันสำคัญนะ ยิ่งพอมาจากนั้น อีก 2 ปี ก็มีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เรายังอยู่ร่วมเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยคืนจาก รสช. มันเลยยิ่งทำให้อุ๊รู้สึกได้เลยว่า การเมือง มันมีผลกระทบกับชีวิตของทุกๆ คน ทุกๆ ชนชั้น ทุกๆ ระดับ 0 เป็นวัยรุ่นตอนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ คือจริงๆ แล้ว ช่วงตอนนั้นอุ๊เอง อายุแค่ 16 ปี แต่เราก็รู้ว่าจริงๆ แล้ว นายกฯ ชาติชาย มาจากการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย การล้มรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย มันทำให้ระบอบประชาธิปไตยสะดุดเพราะว่า การอ้างถึงการปฏิวัติครั้งนั้น อ้างถึงการคอร์รัปชัน แล้วทำการดังกล่าวมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่ถูกต้อง คือให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ แล้วจับคนคอร์รัปชันมาลงโทษ
หลังจากนั้น พอปี 2-3 มันเริ่มร้อนแรงมากขึ้น เพราะ รสช. ไม่คืนอำนาจให้ประชาชน ตามที่ได้สัญญาไว้ แล้ว พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี มีการประชุมที่หน้ารัฐสภา อุ๊ไปอยู่ที่นั่น เดือนหนึ่ง ก็ไม่มีอะไร..พอเกิดเหตุการณ์พฤษภาฯ วันนั้นอุ๊ไม่ได้ไป เนื่องจากไม่สบาย แต่วันรุ่งขึ้นก็ไป พอไป เราไม่ได้ไปกับผู้ปกครองไง ไปเอง เราไม่รู้ว่าตรงนั้น มันปลอดภัย หรือไม่ปลอดภัย แต่ใจอุ๊ อุ๊คิดว่า อุ๊คงต้องอยู่กับเหตุการณ์นี้ เพราะยังเชื่อว่า ประชาชนต้องชนะ ก็เลยไม่กลับบ้าน ตัดสินใจอยู่ ถึงแม้จะมีการยิงกันเกิดขึ้น ให้ตายต่อหน้า แต่ก็เชื่อมั่นว่าประชาชนต้องชนะ ซึ่งพอดีไปติดที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ไปโดนจับตรงนั้น ก็ติดอยู่ตรงนั้นสองวัน มีการสอบปากคำจากตำรวจ หลังจากนั้น ไม่กี่ชั่วโมงก็ประกาศนิรโทษกรรม ปล่อยตัว มีผู้ใหญ่ ประชาชนให้สตางค์ สองร้อย เป็นค่ารถกลับบ้าน (หัวเราะ) ตอนนั้นอายุ 17-18 ปี หลังจากนั้น อุ๊ก็มาร้องเพลงตามผับต่างๆ แล้วก็มาเรื่อยยาวจนได้ออกท้งออกเทปแบบไม่ได้ตั้งใจ (หัวเราะ)

0 ทำไมถึงเลือกสวมเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ ลงสนามเลือกตั้ง ทั้งที่เราก็เป็นนักร้องค่ายใหญ่ พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างแล้ว ซึ่งน่าจะช่วยได้เยอะ หรือถ้าลงสมัครในนามกลุ่มอิสระก็น่าจะสอบผ่านได้ไม่ยาก เพราะเป็นคนพื้นเพเขตพระโขนงอีกด้วย อุ๊คิดว่า อันดับแรก ถ้าอุ๊เลือกกลุ่มอิสระ อุ๊คงไม่ได้รับการเลือกตั้งนะ แต่การที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์เนี่ย คือว่า..(คิดนาน) ไม่ใช่อยากชนะการเลือกตั้งถึงได้ลงพรรคประชาธิปัตย์ การที่เราเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรามีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรรค และพรรคประชาธิปัตย์มีความยาวนานถึง 60 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และเห็นความเปลี่ยนของสังคมไทยมาโดยตลอด อย่างสังคมกรุงเทพฯ อุ๊เห็นวิวัฒนาการของคนกรุงเทพฯ มาโดยตลอด อีกอย่างมีความเชื่อมั่นในทีมผู้สมัคร ส.ข.ร่วมกับอุ๊ ซึ่งมีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สถาปนิก สัตวแพทย์ หรือนักเศรษฐศาสตร์ เนติบัณฑิต นายช่างโยธา ซึ่งทีมงานที่พรรคประชาธิปัตย์คัดเลือก ลงสมัครนะ อย่างอุ๊ ดูแลด้านศิลปวัฒนธรรม และดนตรี ซึ่งอุ๊คิดว่าตรงนี้เป็นจุดแข็ง จุดหนึ่ง ในฐานะที่เราเสนอตัวมาเป็นตัวแทนทำงานการเมืองท้องถิ่นของคนพระโขนง นี่แหละคือความพร้อมของทีมงานเรา 0 เป็นคนพื้นเพพระโขนง แสดงว่าน่าจะเห็นสภาพทั่วไปของเขตนี้เป็นอย่างดี อุ๊เกิดที่พระโขนง เขตพระโขนงเมื่อก่อนนี้ เป็นเขตกว้าง ปัจจุบันนี้ถูกแบ่งเป็นเขตคลองเตย เขตสวนหลวง เขตวัฒนา เพราะฉะนั้นปัจจุบัน อุ๊จะมาอยู่ทางคลองเตย แต่ว่าอุ๊เติบโตและมีเพื่อนๆ อยู่พระโขนงเยอะ เนื่องจากเรียนหนังสือ ก็เรียนที่อ่อนนุช ทำให้มีความรู้สึกผูกพันกับเขตพระโขนง อืมม์..มีคนถามเยอะว่าเป็นคนพระโขนงหรือเปล่า อยากจะบอกว่า มันไม่สำคัญเท่าความจริงใจในการทำงานและอุดมการณ์ที่เราจะทำงานอย่างซื่อตรง
0 ลงพื้นที่แล้ว เห็นปัญหา หรือภาพสะท้อนของเขตพระโขนงอะไรบ้าง เขตพระโขนง แต่ก่อนมันเป็นเขตพื้นที่สีส้มไง เป็นเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีแดง มีเรื่องเชิงพาณิชย์ พื้นที่ก็เลยเริ่มจะแออัด อย่างที่เห็นปัญหาก็คือ มันจะมีพื้นที่เยอะ ที่เป็นที่เช่า เจ้าของที่เช่า แล้วชาวบ้านก็ปลูกบ้านอยู่สมัยก่อนเนี่ย ตารางวาละประมาณ 20 บาท เช่า 60 ตารางวา ก็เดือนหนึ่งไม่กี่สตางค์ แต่ปัจจุบันก็นี้ เจ้าของที่เขาอยากได้ที่คืน มีการขับไล่กัน ตรงนั้นในฐานะที่อุ๊เป็น ส.ข. อุ๊จะช่วยประสานงาน และเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้าน เรียกร้องขอโอกาสให้ชุมชนคนยากจนนะ แต่ไม่พูดรายละเอียดในตอนนี้ดีกว่า เพราะยังไม่มีอะไรชัดเจน เขตพระโขนงมีทั้งคนจนและคนรวย คนจนที่เขาเดือนร้อนก็คือ เขาอยู่ชุมชน เช่าที่ เขาอยากได้โอกาสที่เขาจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เราจะเข้าไปช่วยให้มากที่สุดในส่วนนี้ และประเด็นต่อมา อย่างคนรวยเขาเดือนร้อนเรื่องความปลอดภัย เช่น ถนนทำไมไม่มีลูกระนาดเลย คือเขาอยากได้ลูกระนาดเพราะรถมันวิ่งเร็วนะ มีลูกเด็กเล็กแดง วิ่งเล่นในถนนชุมชน มันไม่ปลอดภัย หรือเขาอยากได้ไฟทาง ซึ่งส่วนนี้ เป็นหน้าที่ ส.ข. ที่เป็นนักการเมืองที่ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุด
เคยมีบางกรณี ที่ชุมชนในเขตพระโขนงทะเลาะกัน ก็มีนะ หัวซอยกับท้ายซอย มีขยะอยู่เต็มเลย และเต้นอารบิกก็เต้นไม่ได้ เพราะทะเลาะกัน เหตุมีความนิยมของพรรคการเมือง หัวซอยพรรคหนึ่ง ท้ายซอยพรรคหนึ่ง นี่คือปัญหาการเมือง
หรืออย่างบางชุมชนมีเด็กเยอะ มีหน่วยงานไปทำอนามัยชุมชน ห้องสมุดชุมชน คอมพิวเตอร์ แต่ข้างในโล่งเลย ลงพื้นที่ พอเดินเข้าไปดูในนั้น วัยรุ่นกำลังตั้งวงโจ้เหล้า เล่นการพนัน เราก็รู้ พอเข้าไป แตกฮือ..(หัวเราะเสียงดัง) นี่ตรงนี้ เราก็ต้องแบบว่า เราต้องให้ความสำคัญกับเด็ก แล้วก็ปลูกฝังให้เด็กรู้จักว่า การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว จากรุ่นสู่รุ่นต่อๆ ไป
ถ้าเราปลูกฝังกับเด็กเนี่ย โตขึ้น เขาจะได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้ง ใครจะมาซื้อเสียง ใครจะมาชี้นำชุมชน หรือว่าเกลี่ยกล่อมไปในทางที่ผิดเนี่ย เขาจะได้มีวิจารณญาณมากขึ้น กับเด็กต้องให้ความสำคัญ แต่เราจะต้องมีความมุ่งหมายที่ชัดเจนว่า เราจะไม่ได้ทำเพื่อพรรค ทำในนามของพรรค เพราะไม่งั้น จะกลายเป็นความล่อแหลม อาจจะกลายเป็นว่า เป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมือง ซึ่งไม่สมควร เราควรน่าจะเป็นกลาง อุ๊กล้าพูดได้ว่า อุ๊พยายามทำให้ชุมชนเห็นความสำคัญกับการเมือง มากกว่าที่จะให้ชุมชนไปเอนเอียงกับพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง เขาจะได้ไม่ทะเลาะกัน
0 ครอบครัวหรือเครือญาติ มีส่วนผลักดันและช่วยเราบ้างไหม ไม่มีนะ อุ๊ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากญาติ แต่ว่าที่ได้มากและสำคัญก็คือ กำลังใจเท่านั้น ไม่แม้กระทั้งว่าจะพามาเดินหาเสียง ก็ไม่มี เพราะแต่ละท่านเป็นผู้ใหญ่สูงอายุแล้ว การหาเสียงลงพื้นที่ คนหนุ่มสาวอย่างเราน่าจะทำ เพราะว่า ยังมีแรงอยู่ ไม่ค่อยเหนื่อย และไม่ได้รบกวนญาติให้ไปช่วยเหลืออะไร แต่ถ้าถามว่ามีใครคัดค้านไหม ก็ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนสนับสนุน
0 เคยวิเคราะห์บ้างหรือเปล่าว่า ชนะเลือกตั้งหนนี้ มีปัจจัยมาจากอะไร ที่ชนะ คงเป็นเพราะว่า การเมืองร้อนแรง อย่างการเลือกตั้ง ส.ก-ส.ข. ที่ผ่านมา คนไปใช้สิทธิน้อย โดยเฉพาะ บ้านมีรั้ว คนที่ไปใช้สิทธิ คงคนในชุมชน ถ้าคนในชุมชนเขาเล็งเห็นความสำคัญในการเลือกตั้ง เพราะเขาต้องการความช่วยเลือก คนบ้านมีรั้ว ตึกแถว ไม่ค่อยไปใช้สิทธิ์ เพราะเขาสบาย และอีกอย่างไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติ ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ค่อนข้างจะแรงกว่าปกติ เพระว่ากระแสวิกฤตการณ์ทางการเมือง คนมาใช้สิทธิดูจะมาก 0 เห็นว่ามาสานต่อค่ายมวยแทนคุณพ่อด้วย คือเห็นคุณค่าของมวยไทย ทีฝรั่งเขาให้คุณค่ากับมวยไทยมาก ถ้าหากปัจจุบัน เราคนในสังคมไม่ให้ความสำคัญต่อมวยไทย ก็จะถูกกลืนหายไป เพราะคนรุ่นเดิมก็ต้องล้มหายตายจาก ในขณะที่เราไม่ปลูกฝังคนรุ่นใหม่มานิยมมวยไทย พอโตขึ้นมา เขาจะไม่รู้ว่ามวยไทยคืออะไร เขาไม่รู้ว่ามันทรงคุณค่า
อีกหน่อยถ้ามีการบรรจุเข้าโอลิมปิก ก็จะยิ่งดี เพราะจริงๆ มวยไทยสามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาปีละมากเหมือนกัน อย่างนักท่องเที่ยวเนี่ย อุ๊เชื่อว่า เกือบครึ่งหนึ่งของฝรั่งที่เดินทางมาไทย ต้องมาดูมวยไทย มาซื้ออุปกรณ์ กางเกงมวยไทย แล้วก็มาเที่ยวในตัว มันก็เป็นการเอื้อกับการท่องเที่ยวด้วย
0 มีแฟนๆ เพลง ถามบ้างไหมว่า มาทำงานการเมือง เป็นเจ้าของค่ายมวยเองก็ตาม ตกลงจะวางไมค์ไม่ร้องเพลงแล้วใช่ไหม (หัวเราะ) นี่วันศุกร์นี้ก็มีงานร้อง และช่วงหาเสียงก็มางานร้อง แต่คือจริงๆ อุ๊ไม่ได้ออกเทปมา 2-3 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว งานร้องเพลงมันไม่ได้มีเยอะเหมือนสมัยก่อน แล้วงานร้องเพลง ไม่ใช่งานที่ร้องทุกวัน เราสามารถแบ่งเวลาได้ อุ๊คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
อีกอย่าง ถามว่าจะทิ้งงานเพลงหรือเปล่า คงไม่ทิ้งมั้งค่ะ เพราะมันก็เป็นอาชีพของเรา แต่ว่าจะออกเทปหรือเปล่า อุ๊ก็ไม่ทราบ เพราะจริงๆ การออกเทปสมัยนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายทุกสมัย ซึ่งการออกเทปสมัยนี้มันก็ไม่ใช่ว่า คือภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างที่เราทราบ การออกเทปสมัยนี้ เกือบจะทั้งหมดมันขาดทุน ถ้าพูดกันตรงๆ เพราะฉะนั้น อุ๊คิดว่า ทำงานในสาขาร้องเพลงก็ทำไป แต่ออกเทป อุ๊ยังไม่ทราบ
0 เพื่อนพ้องในวงการ หรือทางแกรมมี่เอง มีมาคุยหรือแนะนำเราบ้างไหม ระหว่างที่เราคิดจะเล่นการเมือง อืมม์..ในแกรมมี่นี้นะคะ ก็คือไม่ได้คุยอะไร แต่ว่าทางพีอาร์ของแกรมมี่ก็ให้ความร่วมมือดี อย่างนักข่าวจะมาคุยด้วย ทางแกรมมี่ก็ประสานงานให้อย่างดี ก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ว่าเราจะทำอะไร อุ๊คิดว่าคงไม่มีปัญหา
ส่วนเพื่อนนะ เพื่อนเขาจะทราบอยู่แล้วว่าอุ๊ชอบการเมือง ยิ่งเพื่อนสมัยเรียนช่างศิลป์ยิ่งทราบ เพื่อนนักดนตรีโดยส่วนมากก็จะทราบ แต่กับเจ้านายก็คงแปลกใจเหมือนกัน อย่างเจ้านายในแกรมมี่ เพราะปกติ เวลาเจอเจ้านายแล้วอุ๊จะเป็นคนเงียบๆ เพราะอุ๊จะเป็นคนไม่ค่อยกล้าคุยกับผู้ใหญ่ ไม่ค่อยกล้าที่จะประจบอะไร ก็จะคุยเรื่องงานเป็นส่วนมาก แต่เราก็เป็นคนเงียบๆ ซึ่งทางแกรมมี่ก็คงแปลกใจพอสมควร
0 แต่เวลาหาเสียง ต้องกล้าพบปะพูดคุยกับประชาชน ซึ่งมีคนถามอยู่เหมือนกันว่า คุณอุ๊ไปเทรน-ฝึกซ้อมทักษะกับทางพรรคมาเป็นอย่างดี เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อ๋อ..เรื่องที่ว่าอุ๊ไปเทรนมา ว่าพรรคเทรนให้ พูดเก่งขึ้น ขอบอกว่าไม่เป็นความจริง ขอแก้ข่าวให้ด้วย เพราะว่าจริงๆ แล้วเนี่ย การคัดสรรบุคคลลงสมัคร มันเป็นเรื่องสำคัญ จะมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ทำเป็นเรื่องล้อเล่นไม่ได้ เป็นเรื่องของบ้านเมือง เพราะมีบุคคลอีกเยอะที่เสนอตัว แล้วก็เราได้รับคัดเลือก ตรงนั้นเราก็ภาคภูมิใจมากแล้ว ที่เราเป็นหนึ่งในทีมงาน
0 อีกเรื่องหนึ่ง ที่มีคนถามกันเยอะจริงๆ คือบิ๊กบอสแกรมมี่มีความสนิทสนมกับหัวหน้าพรรคใหญ่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพรรคที่คุณอุ๊เลือกลง ซึ่งบางคนก็แปลกใจ อยากรู้ว่าลึกๆ น่าจะมีอะไรบ้าง (หัวเราะเสียงดัง) เขา (ผู้บริหารแกรมมี่) ไม่ได้คลุกคลีกับอุ๊มาก ถ้าพูดกันตรงๆ เพราะอุ๊เป็นนักร้องเงียบๆ ปกติอุ๊ก็ไม่ได้อะไรกับผู้ใหญ่มากมาย ไม่ค่อยจี๋จ๋าเท่าไหร่
0 ถามจริงๆ ไม่มีเรียกตัวไปคุยบ้างเหรอ เพราะเป็นนักร้องในสังกัดก็ดีอยู่แล้ว แล้วจู่ๆ ก็ลงเล่นการเมือง เลือกอยู่ตรงข้ามกันด้วย มันน่าจะมีอะไรพูดคุยบ้าง ใช่หรือเปล่า (หัวเราะ) ไม่มี อุ๊ไม่ได้เข้าไปเจอผู้ใหญ่ในค่ายฯ มา 2 ปีแล้ว ไม่มี ไม่มีคำแนะนำ ขอยืนยันได้ ลองไปถามผู้ใหญ่ในแกรมมี่ได้
0 ยังมีสัญญาอยู่กับทางแกรมมี่หรือเปล่า ยังอยู่.. อีกประมาณปีกว่านะ
0 ถ้าสนใจการเมืองขนาดนี้ ก็แสดงว่า 'การเมือง' เรื่องบ้านเมือง กับ 'การเมือง' ในแวดวงดนตรี มันก็ต้องน่าจะมีบ้างใช่ไหม อ๋อ..อุ๊ในฐานะศิลปิน ก็ไม่มีนะ (น้ำเสียงเข้ม) เพราะว่าอุ๊ไม่ใช่ผู้บริหาร คือบทบาทของอุ๊ในทางบันเทิงคือ เป็นศิลปิน เขาเรียกว่า มีอาชีพเกี่ยวกับศิลปะ ด้านอารมณ์ ทักษะการใช้เสียง ส่วนในเรื่องการวางแผนงาน เราก็ทำงานร่วมกัน ให้งานของเราได้รับการเผยแพร่ ในสังคมมากกว่า ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน แบบเรื่องการเมืองแน่นอน เพราะว่าบริษัทแกรมมี่ มันเป็นเรื่องของศิลปิน และศิลปะ
ซึ่งในปัจจุบันนี้มันมีเรื่องทางการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องมาก เป้าหมายของการประสบความสำเร็จ เป้าหมายมันอยู่ที่ยอดเทปอย่างเดียว มันไม่ได้คำนึงถึงความใส่ใจลงไปด้วย แต่คุณภาพมันก็มีนะ เป็นเพราะเทคโนโลยีที่มันเจริญก้าวหน้า ใช่ไหมล่ะ อะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นเทคโนโลยีเนี่ย มันจะขาดความเป็นศิลปะลงไป เพราะมันไม่มีวิณญาณ มันทำให้คนไม่ศรัทธาศิลปินเท่าที่ควร พอประชาชนขาดความศรัทธาแล้วเนี่ย เขาก็ไม่ซื้อ เขาอยากฟังอันไหนเขาก็โหลดเอา ใช่ไหมล่ะ อย่างศิลปินที่เราศรัทธา ยอดมันจะสูงตลอด ก็พออยู่ได้ เพราะมีความศรัทธา
0 เข้ามาทำงานตรงจุดนี้แล้ว มีแฟนคลับ แฟนเพลงเป็นห่วงบ้างไหม มีนะ เป็นข้อความส่งมาทางมือถือ บางคนส่งมาบอกว่า ไม่รู้สึกแปลกใจนะ คือเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงปี 2ปีนี้ อุ๊มีแต่เรื่องเซอร์ไพร์ส จะมีเรื่องมวยไทย (หัวเราะ) แล้วก็เรื่องการเมือง ซึ่งถ้าแฟนเพลง คนที่เขาห่างๆ เขาคงรู้สึกว่า อุ๊ย..ทำไมแปลกจัง กระโดนจากวงการนี้ มาวงการนี้ แล้วจากวงการนี้ ไปวงการโน่น คือถ้าคนที่ใกล้ชิดกับอุ๊ เขาจะทราบ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันนะ ส่วนหนึ่งอุ๊ได้รับการพิจารณาเป็นผู้สมัคร เพราะว่า เรามีชื่อเสียงเป็นพื้นฐานเป็นทุน แต่ว่าอันนั้นก็คงไม่ใช่หัวใจหลัก ทางพรรคจะเสนอเราลงเลือกตั้ง เพราะว่าถ้าการมีชื่อเสียงแล้วชนะเลือกตั้ง ถ้างั้นดารานักร้องก็ชนะการเลือกตั้งหมดแล้วสิ เป็นแค่องค์ประกอบ
0 คุณอุ๊ น่าจะมีความแนะนำดีๆ สำหรับคนวงการบันเทิงที่คิดจะมาผู้แทนฯ ประชาชน อุ๊ก็อยากจะบอกเขาว่าจริงๆ แล้วเนี่ย บทบาทและหน้าที่ของการเป็นศิลปินดารานักร้อง มันเป็นที่สนใจในสังคม ไม่งั้นก็คงไม่เป็นข่าวครึกโครมกันมากมายใช่ไหมคะ เพราะเฉพาะนั้น มันเป็นเรื่องดีที่พวกพี่เขามาลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างแม่บ้าน นักเรียน แฟนเพลงเขา ละครเขาก็มากมาย ก็จะได้ติดตามข่าวสาร ติดตามเขา ซึ่งจะได้รับรู้ว่า ส.ข. คืออะไร และยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และจริงๆ แล้ว ทัศนคติของอุ๊นะ ดารานักร้อง มันเป็นอาชีพที่ดีเหมือนกัน แต่ว่า มันไม่ได้ถูกแบ่งแยกไปจากเรื่องการเมืองได้เลย
0 บุคลิกส่วนตัวที่คนทั่วไปๆ มองเป็นร็อคเกอร์สาวเสียงห้าว อันนี้น่าจะทำให้สะท้อนบทบาททางการเมือง จะเป็นแบบลุยๆ กล้าได้กล้าเสียใช่หรือเปล่า (หัวเราะเสียงดัง) อุ๊เป็นคนตรง พูดจาเสียงดัง ถ้ามีความคิดเห็นอะไร อุ๊จะกล้าพูด แต่ถ้าพูดจบแล้วก็คือจบ ไม่ได้มีความรู้สึกแย่ อะไรอย่างนี้ เป็น 'คนไม่เก็บ' มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย คนอื่นเขาฟังแล้วอาจจะตกใจก็ได้ มันก็เป็นนิสัย แต่จริงๆ อุ๊ไม่มีนิสัยซับซ้อน ถึงจะทำงานเป็นศิลปิน แต่ก็อาจเป็นคนเซ็นซีทีฟ แต่ไม่ได้ซับซ้อน ซึ่งแล้วแต่ ตามกาลเทสะด้วยนะ กลัวพูดผิดที (หัวเราะ) ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ตัวใครตัวมันเลยน่ะ
0 คิดอย่างไร เมื่อ 'นักเลือกตั้ง' บอกว่า การแข่งขันสนามเล็ก ไม่ได้มีผลสะท้อนอะไรถึงสนามใหญ่ การเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย ในฐานะที่เคยลงพื้นที่หาเสียงมาแล้ว น่าจะบอกเล่าอะไรได้บ้าง มีผล..(ทำท่าคิดนาน) ถ้าในช่วงที่การเมืองอยู่ในภาวะปกติ ก็อาจจะไม่มีผลนะ ใช่ไหมล่ะ เพราะว่า จริงๆ แล้ว อย่างที่อุ๊บอก 'คนบ้านมีรั้ว' กับ 'คนบ้านแถว' ไปใช้สิทธิน้อย แล้วคนกรุงเทพฯ เป็นคนเข้าใจยาก อย่างช่วงที่สมัยเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ ที่คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ชนะการเลือกตั้ง แล้วไม่กี่เดือนถัดมา ในกรุงเทพฯ พรรคไทยรักไทยก็ชนะการเลือกตั้งใน กทม. อุ๊คิดว่ามันไม่มีผลอะไร แต่ถ้ามีผล จะมีผลใน กทม. โดยตรงมากกว่า เพราะว่าการได้ที่นั่งเข้าไปในสภากรุงเทพฯ มาก มันก็ทำให้การทำงานง่ายขึ้น แต่อยากจะย้ำว่า คนกรุงเทพฯ เดาใจยาก
0 ก่อนผลการเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. จะออกมา ปรากฏว่ามีโพลล์บางสำนักระบุว่า ประชาชนจะเลือกพรรคตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาถ่วงดุล เพื่อคอยตรวจสอบผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาจริงๆ กลับกลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือก สข.และ สก. เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ จุดนี้มีความคิดเห็นไหม อธิบายอย่างนี้นะ ตอนนั้นไง ตอนการเลือกตั้งระดับชาติ พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้นโยบายนี้ (ขอให้ได้รับเลือก ส.ส. 100 คนขึ้นไป ) ใช่เปล่า (หัวเราะ) ใช้วาระนี้ เพื่อให้ได้เข้าไปในสภาผู้แทนฯ บอกว่าขอถ่วงดุลย์อำนาจ เพื่อตรวจสอบ แต่ก็แพ้ เพราะฉะนั้น การปลุกกระแสว่า ว่าถ่วงดุลย์ท่านผู้ว่าฯ เพื่อการตรวจสอบ ในสภากรุงเทพฯ เนี่ย ก็ใช่ไม่ได้ผลเหมือนพรรคประชาธิปัตย์คราวที่แล้ว (หัวเราะ) เพราะว่าประชาชนคนกรุงเทพฯ เขาตัดสินใจแล้ว อย่างที่บอกไง การเมืองมันร้อนแรงไง มันส่งผลกระทบ บอกกับนโยบายประชาธิปัตย์มีอย่างชัดเจน และทีมงานที่เป็นจุดแข็ง จึงทำให้ชนะการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องการถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม ทางทีมงานคุยกันแล้วว่า จะไม่โต้ตอบ เพราะว่าโต้ตอบจะทำให้คนเบื่อ ..แล้วมันจะทะเลาะกันทำไมล่ะ ใช่ป่าว ไม่ว่าบ้านเมืองมันวุ่นวายขนาดไหน การเลือกตั้ง ส.ก. ส.ข. เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า มันสำคัญกับการบริหารงานของคนกรุงเทพฯ ถ้าหากโจมตีกันไป โจมตีกันมา ซึ่งประชาชนเขาเห็น.. เขาจะตัดสินได้เอง
0 มีเรื่องอะไร ที่น่าหนักใจไหม เช่น ตอนหาเสียง หรือการทำงานที่ต้องใกล้ชิดประชาชน อืมม์..ต้องอดทน ชาวบ้านไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานภาพใด เราต้องให้เกียรติเขา และที่สำคัญเลยเนี่ย เวลาเจอประชาชนสนับสนุนพรรคตรงข้าม เราต้องมีขันติ มีน้ำอดน้ำทน ถึงเขาไม่เชียร์เรา เราก็อย่าไปว่าเขา ต้องเคารพเขาในฐานะที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากเรา ก็ไม่เป็นไร คือไม่ว่าชาวบ้านจะอยู่พรรคไหน ต้องให้เกียรติเขา ถ้าพูดกันตรงๆ..
0 เวลาเราเครียดๆ จากงานส่วนตัว หรืองานการเมืองก็ตาม จะไปพักด้วยการซ้อมดนตรีไหม หรือจะทำอะไร เครียดๆ ช่วงหาเสียงเนี่ย หลับ (หัวเราะ)
0 อันนี้ น่าจะเหนื่อย (หัวเราะ) คือเครียดนะ ไม่เครียดหรอก เวลาไปกับทีมงานหาเสียงนะ จะเฮฮามาก ตลก เพราะพี่ๆ ในทีมงานมีประสบการณ์การทำงานตรงนี้มานาน เวลาเครียดๆ ก็จะมีเรื่องเล่าให้ได้คลายเครียดกันได้นะ 0 ประเด็นที่เขาบอกว่า ผลงานผู้ว่าฯ อภิรักษ์ เข้าตาคน กทม. อันนี้น่าจะช่วยในการหาเสียงได้เยอะไหม หรือว่าไม่เกี่ยวเลย เกี่ยวนะ เกี่ยวกันมาก เพราะว่า คุณอภิรักษ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วมีผลงาน การทำงานของท่าน แม้ว่าจะเจอการตรวจสอบเรื่องรถดับเพลิง แต่ว่ามันเป็นประเด็นที่จริงๆ แล้ว เรื่องของการชี้แจง ที่ท่านผู้ว่าฯ ต้องชี้แจง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าจะเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข. คืออะไร ให้ประชาชนทราบ คืออุ๊ไม่อยากบอกว่าใครถูกใครผิด อันนี้มันเป็นเรื่องของการตรวจสอบ แล้วไปตัดสินในชั้นศาล ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เพราะความยุติธรรมยังคงมีอยู่ แต่อุ๊ขอย้ำนะว่า อุ๊เป็นแค่ ส.ข. ไม่ใช่ ส.ก. หรือ ส.ส. ซึ่งไหนๆ ถามแล้ว ก็จะขอตอบ
0 ลงพื้นที่หาเสียง มีชาวบ้านแซวไหมว่า ถ้าอภิรักษ์เข้าตา แล้วอภิสิทธิ์ล่ะ (ทำท่าคิดนาน) อุ๊ว่ายังไม่มีใครเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงวิสัยทัศน์ การทำงาน คือที่ผ่านมา ถ้าพูดกันตรงๆ คุณอภิสิทธิ์ยังไม่มีโอกาสได้ทำงาน ยังไม่ได้ฝีมือให้คนไทยได้ชม ยังเลย ยังไม่มีโอกาสเลย ที่ทำดีที่สุด คือเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเราทำอะไรไม่ได้ เมื่อประชาชนได้ไว้วางใจพรรคไทยรักไทย ก็เข้ามาบริหารประเทศ
0 คุยกันเล่นๆ วิจารณ์กันขำๆ ว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงนี้ พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นอย่างไร พูดกันตรงๆ ถ้าสามารถป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งได้ พรรคประชาธิปัตย์ชนะ ถ้าไม่มีการซื้อเสียง เอ..พูดอย่างนี้เป็นการกล่าวหาหรือเปล่านะ (หัวเราะเสียงดัง) เดี๋ยวเอางี้ เดี๋ยวพูดอย่างนี้แล้วกัน การเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะมีขึ้น ถามดูเล่นๆ ใช่ไหมคะ เราก็จะกระตุ้นหรือระดมพลให้ประชาชนไปใช้สิทธิให้มาก พยายามหลีกเลี่ยงการซื้อเสียงให้ได้ ถ้าไม่มีการซื้อเสียง เราก็มีสิทธิ ถ้าพูดกันตรงๆ เราจะติดคุกไหมเนี่ย ที่วิจารณ์ (หัวเราะ)
ส่วนตัวอุ๊คิดว่า มันหยั่งรากไปแล้ว คือรบกับเผด็จการที่มีปืน ยังไม่น่ากลัวเท่านี้ รบกับเผด็จการที่มีปืน นักหนังสือพิมพ์ยังยืนอยู่ข้างประชาชนนะ ยังไม่กลัว แต่สื่อมวลชนกลัวตังค์ ใช่ไหม อำนาจแฝง ถ้าพูดอย่างนี้ได้หรือเปล่าเนี่ย (ยิ้ม)
0 บนถนนการเมือง เคยคิดไว้บ้างไหมว่า จุดสูงสุดของเราคืออะไร เช่น เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี อะไรประมาณนี้ ไม่กล้าฝัน คือว่าการเมืองระดับชาติ เป็นเรื่องใหญ่ คือพูดตรงๆ ก็แล้วกันนะคะ มันต้องเป็นคนมีความพร้อม ทั้งฐานะ สตางค์ การหาเสียง ซึ่งส่วนตัวอุ๊เนี่ย ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยอะไร และการที่เข้ามารับใช้สังคมตรงจุดนี้ ในเขตพระโขนง เราสามารถทำได้เป็นรูปธรรม เรื่องการเมืองระดับชาติ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งๆ อุ๊คิดว่า การที่จะไปเป็นผู้แทนราษฎร อย่างนั่นยังไม่กล้าคิด เพราะมันใหญ่โตเกิดไป และต้องใช้ทุนทรัพย์มาก
|